Baby dont cry

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

BigBang:Kiss!!...[ Yang hyun Suk]

BigBang:Kiss!!...[ Yang hyun Suk]


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



Yang Hyun Suk : ผมนั่งมองนาฬิกาอย่างรอคอยเวลา เจ้าเด็กทึ่ม ชเว ซึงฮยอนก็ยังไม่โผล่หัวมาให้เห็นซักที นี่ผมนัดตั้งแต่เย็นๆ จนจะสองทุ่มแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เฮ้อ...ผมถอนใจ ถามตัวเองว่าแน่ใจแล้วเหรอที่เลือกเด็กพวกนี้มาเป็นทายาทเนี่ย เพราะความอาภัพแท้ๆที่ทำให้ผมไม่เหลือญาติเลยซักคน มีแค่ตัวคนเดียวกับทรัพย์สินมหาศาล แต่...ผมไม่อยากให้ทุกอย่างที่ลงแรงลงทุนทั้งหมดสูญสลายไปกับผมยามที่สิ้นลมหายใจไปแล้วเหมือนกัน ความคิดนี้จึงผุดขึ้นในวันหนึ่งนั่นเอง เอาเถอะผมถอนใจหนักๆเลือกมาแล้วก็คงต้องประคองเจ้าพวกนี้กันไปให้รอด แต่เด็กดีที่น่ารักของผม หรือทายาทหมายเลขหนึ่ง คัง แดซอง เทวดาที่น่ารัก ผิวแทนนิดๆ รอยยิ้มที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กล้ามเนื้องดงามแข็งแรงเพราะออกกำลังกาย ถูกใจผมไปซะทุกอย่างจนบางครั้งเผลอแสดงความลำเอียงมากไปหน่อย แดซองไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยซักครั้ง...พอหลับตาก็นึกถึงภาพคอลเลคชั่นแอบถ่ายที่ผมใส่กรอบไว้ในสตูดิโอส่วนตัวก็ผุดขึ้นมาทีละภาพ มีรอยยิ้มของแดซองเต็มไปหมด อืม..หรือผมควรติดตั้งกล้องไว้ตามจุดลับในห้องแดซองด้วยดี กำลังคิดอย่างเคลิ้มๆ เสียงเคาะประตูเรียกผมออกมาจากวังวนซะก่อน


“ขออนุญาตเข้าไปนะครับคุณยาง!” เสียงทุ้มใหญ่ของเจ้าเชวซึงฮยอนดังมาก่อนที่ตัวหนาๆจะโผล่มาให้เห็น ผมเหลือบมองนาฬิกาและหันกลับไปจ้องเจ้าเด็กทึ่มนั่นเขม็ง


“มาสายนะ!!” ผมกดดันด้วยสายตานิ่งเงียบ ชเว ซึงฮยอนยืนหลังตรงและก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด “เฮ้อ...ไหนๆก็มาแล้วรีบๆคุยละกัน” ผมเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้จับจ้องมองใบหน้าเจ้าทึ่มชเว ซึงฮยอนแล้วคิดว่าจะเริ่มคุยจากเรื่องอะไรก่อนดี


“ครับ...” ซึงฮยอนรับครับผมยังยืนนิ่งเป็นต้นไม้แห้งเหี่ยว ผมเลิกกดดันแล้วเสืออกแฟ้มสีน้ำตาลให้ซึงฮยอนรับไป เด็กหนุ่มตรงหน้าหยิบสิ่งที่ผมให้ไปเปิดอ่านพลางขมวดคิ้วเข้มๆ สงสัยจะมีปัญหา


“อยากถามอะไร!”ผมเอ่ยดักเสียงเข้มประสานมือทั้งสองข้างรองคางตัวเอง เพื่อดูปฏิกิริยาที่ซึงฮยอนจะแสดงออกมา แววตากรุ่นอารมณ์ของซึงฮยอนจ้องตอบผมเขม็ง


“ทำไมต้องเป็นผม!!” ซึงฮยอนเอ่ยถามหลังจากวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานเช่นเดิม ตอนนี้สีหน้าซึงฮยอนเครียดขึงริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงอย่างคนดื้อดึง ผมถอนใจกับเด็กคนนี้...ไม่เคยเปลี่ยน!!


“เพราะนายไม่ยอมเรียนต่ออะไรเลย จะให้นายไปบริหารอะไรนอกจากแก็งค์ ฮึ!” ผมถามกลับเสียงดัง แหมดูเอานะไม่เรียนแต่จะมาบริหารบริษัทผมแล้วลูกน้องที่ไหนมันจะเชื่อถือวะ เจ้าเด็กนี่!


“ผมทำอย่างอื่นก็ได้ไม่จำเป็นต้องไป...” ซึงฮยอนยังพยายามเถียงแบบเอาสีข้างเข้าถู เหอะ...คุยกะมันแล้วปวดเฮดจริงๆ เฉพาะเจ้าซึงฮยอนนี่แหละที่ผมคุมยากที่สุด เพราะมันเป็นลูกชายเพื่อนผมนั่นแหละจะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ ที่ผมรับเข้าเป็นทายาทเพราะเจ้าชเว ซึงฮยอนมันกำลังทะเลาะกับพ่อเลยต้องหาที่หลบภัยซึ่งก็คือเพื่อนของพ่อมันอย่างผมนี่แหละครับ อ่อ...แล้วอย่าเข้าใจผิดนะครับผมไม่ได้แก่มากมายขนาดนั้นเพิ่งจะสามสิบกว่าๆเท่านั้นเอง ผมเป็นเพื่อนต่างรุ่นกับพ่อเจ้าซึงฮยอนเท่านั้น แบบว่าเล่นโกะกันเป็นครั้งคราว นั่งคุยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจแบบนี้แหละ


“หรือนายจะกลับบ้าน ไปเป็นทหาร!!” ผมหรี่ตามองเจ้าซึงฮยอนดูว่ามันจะตอบยังไง ใบหน้าคมเข้มกร้าวขึ้นเมื่อได้ฟัง กรามถูกบดจนนูนขึ้นเห็นได้ชัด คำตอบคือไม่สินะ ผมคาดไว้ก่อนอยู่แล้วล่ะ...หึหึ


“ผมไม่อยากไปนี่ครับ...” เจ้าซึงฮยอนเหลือบตาขึ้นมอง นั่นใช้สายตาลูกหมามองผมอย่าคิดว่าจะได้ผลเพราะเมื่อก่อนเจ้าบ้านี่มันตัวเล็กๆ อ้วนกลมน่ารักน่าชังอยู่หรอก แต่ตอนนี้...


“ไม่ได้ผลหรอกนะนายต้องไป” ผมยื่นคำขาด “หรือนายยังห่วงอะไรอีก” ผมเอ่ยเพราะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าซึงฮยอนมันปิดผมไม่ได้ซักเรื่องหรอกโดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้มันเหมือนหมาบ้าเข้าสิงแบบนี้...เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยแล้ว ผมยิ่งจับตามองเป็นพิเศษ


“ผมไม่อยากไปญี่ปุ่นนี่ ครับอา!!” หึหึ...มาไม้นี้อีกแล้ว เมื่อไหร่ที่ซึงฮยอนจะอ้อนขออะไรจำเป็นต้องเรียกผมว่าอาทุกที ทั้งที่เลิกเรียกมาสิบกว่าปีแล้วแท้ๆ


“อะไร...งั้นจะเรียนต่อหรือเปล่าล่ะ” ผมยื่นทางเลือกให้เด็กหนุ่มตรงหน้า “หรืออยากกลับบ้านไปเป็นทหารก็บอกนะ” ผมแสยะยิ้มให้หลานชายต่างสายเลือดคนนี้แบบเหี้ยมนิดๆอย่างที่รู้แกวกันดี...อ้อนก็ไม่ได้ผลหรอกนะ


“นายห่วงจียงรึไง” ผมลองแย็บใส่หนึ่งหมัด ได้ผลทันตาเจ้าซึงฮยอนสะดุ้งแบบเห็นได้ชัด ฮะๆ นายยังด้อยประสบการณ์นักซึงฮยอนผมยิ้มกริ่ม เจ้าซึงฮยอนเบนหน้าหนีแถมหน้าแดงเป็นแถบ แหมดูมันอายก็เป็นเว้ย...ผมหัวเราะชอบใจ


“เฮ้อ...อาก็เห็นใจนายอยู่เหมือนกันนะ” ผมทอดเสียงอ่อนโยนเจ้าซึงฮยอนมีสีหน้าดีขึ้นจนน่าหมั่นใส้ “แต่นายเข้ามาเป็นทายาทอาแล้วต้องทำอย่างที่อากำหนดด้วยสิ ไม่ยังงั้นนายก็เลือกเอาแล้วกัน” ผมดับรอยยิ้มที่กำลังจะแย้มออกของเจ้าซึงฮยอนทันใด ซึงฮยอนเบ้ปากพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนคนไม่มีทางเถียงชนะซึ่งเป็นเรื่องแน่นอนเพราะ จียงเป็นลูกไก่ในกำมือผม ฉะนั้นเจ้าซึงฮยอนก็เป็นยิ่งกว่าลูกไก่ซะอีก


“อาใจร้ายอ่ะ!!” ซึงฮยอนต่อว่าผมอีก อ้อ..ขอบใจที่ชมผมเอ่ยต่อประโยคนั้นในใจ พลางยักคิ้วให้อย่างไม่ถือสา


“เออ...ใจร้ายสิวะ” ผมหมั่นใส้มันจริงๆ เลยตอบกวนกลับไปบ้าง “ถ้างั้นเอางี้..”อยู่ๆ ผมปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที ซึงฮยอนเงี่ยหูฟังอย่างจดจ่อ “อาว่าจะเทคโอเวอร์บริษัทพ่อจียงแล้วให้นายบริหารต่อ แต่ต้องเป็นหลังจากนายเรียนจบแล้วโอเคมั้ย!” ผมต่อรองกับซึงฮยอนพร้อมขยิบตาให้อีกหนึ่งที ซึงฮยอนมีใบหน้าครุ่นคิดตาม


“แค่นั้นเหรอครับ” บ๊ะ!!...มันยังจะต่อรองอีกเหรอ เหมือนใครวะ ผมมองเจ้าหลานนอกใส้ไม่ค่อยพอใจนัก


“ถ้าหากนายเรียนจบภายในสามปี ฉันจะให้จียงไปทำงานกับนายด้วย!!” ผมเสนอข้อแลกเปลี่ยนนี่สุดๆแล้วนะ เจ้าซึงฮยอนคิดหนัก คิ้วขมวดแน่นแล้วคลายสลับอยู่อย่างนี้ ผมนั่งนิ่งรอคอยคำตอบจากเด็กหนุ่มตรงหน้า เอาวะไหนๆ พ่อมันก็ฝากก็คงต้องเข็นกันไปให้จนถึงฝั่งล่ะ


“ก็ได้ครับ...” ให้มันได้อย่างนี้สิฟะผมละดีใจที่แผนสำเร็จ “แต่ในเวลาสามปีนี้ห้ามจียงคบกับใคร ห้ามหมั้น ห้ามแต่งงาน หรือมีใครคนอื่นโดยเด็ดขาดไม่งั้นผมไม่ยอม” ซึงฮยอนมันต่อรองได้อีก = = เจ้าเด็กบ้าเคยพอใจอะไรง่ายๆ มั้ย ห๊ะ!!


“เอ้า!! ก็ได้แต่หลังจากสามปีแล้วนายยังเรียนไม่จบล่ะก็นั่นอีกเรื่องนึงนะ” ผมบอกเงื่อนไข “อ้อแล้วไหนๆ ก็ไปเรียนแล้วก็ไปที่ญี่ปุ่นเลยแล้วกันจะได้ฝากดูแก็งค์เงินกู้ให้ด้วยนะ” หึหึ...สุดท้ายมันก็เข้าแผนผมอยู่ดีที่ตั้งใจส่งซึงฮยอนไปคุมแก็งค์ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว อันที่จริงแก็งค์ที่ว่านั่นมันเป็นอีกเครือข่ายที่ผมบงการอยู่เบื้องหลังให้คนญี่ปุ่นเป็นฉากหน้าแทนผมเท่านั้นเอง เพื่อฟอกเงินให้เครือข่ายทั้งผิดและถูกกฏหมายในโลกนี้แหละครับ


“อาอ่ะ!! อย่างนี้ทุกที” ผมหัวเราะในลำคอขำมันที่หน้างอเหมือนตูด นานๆจะได้เห็นซักที เดี๋ยวนี้พอโตเข้าหน่อยล่ะทำขรึมใส่


“เรื่องจียงน่ะ อยากให้นายเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเค้าบ้าง” ผมสั่งสอนเด็กหนุ่มที่ยืนหน้าบูดตรงหน้า “ให้จียงเลือกคนที่จะรักด้วยตัวเองไม่ใช่ไม่มีทางเลือกแบบนี้” ทั้งที่ร่วมมือกับเจ้าซึงฮยอนไปแล้วครึ่งตัวแต่ก็อดเห็นใจเด็กหนุ่มไม่ได้ครับลองเตือนสติเจ้าซึงฮยอนไปหน่อยเผื่อมันจะใจอ่อนกับจียงบ้าง


“อาครับ...ผมพยายามแล้ว แต่...” ซึงฮยอนก้มหน้านิ่ง “ผม...ห้ามตัวเองไม่ได้ถ้าผมไม่ได้จียงมาอยู่ข้างๆล่ะก็ คนอื่นก็จะไม่ได้เหมือนกัน!!” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงเย็นในประโยคสุดท้าย ดวงตาที่เงยขึ้นสบเย็นเยียบข่มขู่ทุกคนที่คิดจะขัดขวางเขา นี่สินะเชื้อไม่ทิ้งแถวตระกูลชเวสายนี้เป็นทหารกันมาหลายรุ่น ก็มีแต่เจ้าซึงฮยอนคนนี้แหละที่บ้าแหกคอกออกมาหน่อเดียว แต่ดูเถอะความเข้มโหดยังฝังอยู่ในสายเลือดอยู่ดี...


“เฮ้ออออ...ฉันล่ะเหนื่อย เอาเถอะจะทำอะไรก็ตามใจ วันไหนจียงหายไปจากชีวิตนายจริงๆ นายจะรู้สึก” ผมเอ่ยเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “ไปเถอะฉันจะพักแล้ว” ผมออกปากไล่เมื่อเหลือบดูนาฬิกาอีกรอบ คุยกับมันแล้วหมดแรง


“งั้นครับ ไปแล้วนะครับ” ซึงฮยอนโค้งศีรษะลาก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปทางประตู ผมมองร่างที่ลับหายไปแล้วอดคิดต่อไม่ได้ว่าหากซึงฮยอนเรียนจบตามเงื่อนไขจริงๆ ผมจะทำให้จียงเป็นเลขาส่วนตัวของซึงฮยอนได้จริงเหรอ แล้วจียงตอนนั้นจะทำตามที่ผมต้องการหรือเปล่านี่สิ เฮ้อ...ว่าแล้วคุยกะเจ้าซึงฮยอนแล้วปวดเฮดจริงๆ เลิกคิดเรื่องซึงฮยอนแล้วไปคิดถึงเทวดาของผมดีกว่า...


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫


ผมเดินกลับมาที่ห้องนอนไฟสว่างวาบอัตโนมัติทันทีที่ก้าวขาเข้ามาภายใน กระจกใสที่ยังไม่ได้รูดม่านปิดทำให้มองเห็นบ้านเล็กที่ผมจัดให้เหล่าทายาททั้งหลายอยู่ ห้องที่ยังเปิดไฟสว่างโร่อยู่ตรงข้ามกับห้องของผมนั่นคือห้องของคัง แดซอง...วันก่อนผมเพิ่งรัวชัตเตอร์เก็บภาพกึ่งเปลือยของแดซองได้ชุดใหญ่ หึหึเป็นโชคดีของผมที่คนเลือกห้องนั้นเป็นแดซองไม่ใช่เจ้าซึงฮยอน(คนโต)ไม่งั้นได้อ้วกกันบ้างล่ะ เงารางเลือนเดินผ่านหน้าต่างวูบหนึ่งสายตาผมจับจ้องตามไม่วางตา แค่เห็นจากระยะไกลก็แอบมีความสุขแล้ว แดซองนายน่ารักเกินไปแล้ว สงสัยผมต้องติดกล้องจริงๆ ด้วย นึกถึงกล้องก็เดินที่โต๊ะหัวเตียงหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาทันที เมื่อปรับระยะโฟกัสจนได้ระยะที่พอเหมาะผมก็ลากเก้าอี้มาเป็นที่นั่งเพื่อจะได้นั่งมองแดซองได้นานๆ หึหึ


แต่แดซองเดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือก็ก้มหน้าก้มตาอ่านทบทวนบทเรียนในท่านั่งเดิมๆ ที่ผมมองดูอยู่ทุกวัน มีบางคราวก็ลุกขึ้นมาบิดกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ แหมขนาดผมมองจากระยะไกลกล้ามที่มีพองามนั่นก็ทำให้ผมนำลายไหลได้แล้ว หึหึ ผมจับจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็งในใจก็เฝ้าวางแผนว่าจะทำยังไงดีถึงจะทำให้แดซองรับความรู้สึกของผมไปด้วยความเต็มใจ ผ่านไปสักพักใหญ่ผมก็เริ่มเมื่อยบ้างเหมือนกันพอเห็นแดซองขยับลุกขึ้นผมก็ขยับตาม แดซองปิดไฟเดินกลับไปที่เตียงนอนผมเหลือดูนาฬิกา โอ...เกือบเที่ยงคืนแล้วหรือนี่ ผมนั่งได้ทนทายาทดีเหมือนกัน แล้วร่างของแดซองก็ฟุบลงไปบนเตียงผมถอนใจเหมือนดั่งได้ไปนอนลงเคียงข้างเด็กหนุ่มยิ้มสวยคนนั้น โถเทวดาตัวน้อยๆของผม(= = แน่ใจเหรอ : จากคนเขียน) ผมแน่ใจว่าแดซองคงจะหลับไปแล้วจึงจะไปนอนบ้าง ถ้าหากไม่เห็นใครบางคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของแดซองเข้าซะก่อน ผมปรับระยะซูมขึ้นอีก ภาพใกล้เข้ามาเหมือนผมยืนอยู่ในห้องนั้นด้วยทีเดียว ลี ซึงฮยอน(คนเล็ก)!! ผมจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง มันเข้าไปทำอะไรฟระดึกๆดื่นๆ ผมบ่นในใจ ซึงฮยอนขยับปากบ่นคนเดียวผมไม่ได้ยินแต่ในใจนั้นอยากรู้ยิ่งนัก สักพักร่างเจ้าซึงฮยอนก็ก้มลงต่ำเหนือร่างที่นอนหลับแน่นิ่งของแดซอง!!


“เฮ้ย!!!” ผมหลุดอุทาน มือบีบที่ลำกล้องแน่นเหงื่อเย็นๆไหล ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง อีกนิดเดียวริมฝีปากที่แสนบริสุทธ์ของแดซองกำลังจะถูกโขมย ผมเกร็งร่างกลั้นลมหายใจ ไม่นะ!!...


“ถ้านายทำนายตายแน่ไอ้เด็กบ้า!!” ผมกัดฟันกรอดๆ ด้วยความแค้นใจที่ซึงฮยอนคนเล็กบังอาจมาแก่งแย่งแดซองกับผม แต่ร่างเจ้าซึงฮยอนก็เด้งกลับไป ยังดีที่ไม่ได้ทำจริงๆ ไม่งั้นผมนี่แหละจะวางยาเจ้าซึงฮยอนคนเล็กแล้วให้ยองแบปล้ำซะให้เข็ด เมื่อเห็นซึงฮยอนเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่วางใจยังมองแดซองที่หลับไหลอยู่บนเตียงอีกพักใหญ่ เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบแล้วจึงตัดใจวางกล้องแล้วไปนอนบ้าง...


จนเช้าที่สดใสมาถึงผมก็ลุกจากเตียงทำธุระส่วนตัวเช่นทุกวัน และทันทีที่ทานอาหารเช้าเสร็จผมก็เรียกเลขาเข้ามาคุยเรื่องกล้องที่ต้องการติดแบบแอบๆ ในบ้านเล็ก โดยอ้างว่าต้องการดูความประพฤติของเด็กๆพวกนั้น ทั้งที่จริงแล้วผมต้องการดูแค่แดซองคนเดียว...เลขาสาวแว่นรับคำแล้วรีบจากไปจัดการตามควมต้องการของผม ผมนั่งรอแดซองอย่างใจเย็น จนร่างเพรียวแต่แข็งแรงเดินมาจนถึงประตูใหญ่ผมที่นั่งเปิดเอกสารอ่านรออยู่ในรถ BMW สีฟ้าสดใสที่มอบเป็นของขวัญให้แดซองพร้อมคนขับเพื่อส่งแดซองไปโรงเรียนทุกวัน ส่วนคนอื่นๆก็ตามใจถ้าอยากไปเองผมก็ไม่ขัดถ้าอยากมีรถส่วนตัวผมก็จัดให้ตามใจเหมือนกัน แต่แดซองพิเศษตรงที่ผมตระเตรียมสิ่งเหล่านี้และเลือกสรรด้วยตัวเอง แดซองก้มทักทายการ์ดที่หน้าประตูครบทุกคนได้ น่ารักจริงๆ มารยาทงามสมกับที่ผมภูมิใจ...เมื่อรถเลื่อนมาถึงข้างกายแดซองเด็กหนุ่มที่เห็นผมนั่งรออยู่ก่อนถึงกับใบหน้าจืดเจื่อน ผมเข้าใจว่าแดซองยังไม่พร้อมเปิดใจให้ผม แต่ความพยายามของผมไม่หมดง่ายๆ หรอก


“อะอรุณสวัสดิ์ครับคุณยาง...”แดซองนั่งลงเคียงข้างผมหลังจากทักทายเสร็จ ร่างหนุ่มน้อยข้างๆเครียดเกร็งจนน่าสงสาร ผมพยักหน้าแล้วออกคำสั่งกับคนขับ


“ไปได้!!” แล้วรถก็เลื่อนออกจากประตูใหญ่ผมเหลือบมองแดซองที่นั่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้าก้มหงุดเหมือนกับว่ากลัวผมนักหนา แขนที่ว่างของผมเอื้อมไปโอบไหล่แข็งแรงของแดซองไว้แน่น ร่างแดซองแข็งเกร็งท่าทางหวาดกลัวของแดซองดันไปสะกิดต่อมบางอย่างให้ทาน(ต่อมหื่นอ่ะเหรอ อุอุ)


“ทำไมเกร็งๆ ฮึ” ผมเอ่ยเสียงหวานกับคนข้างๆ แดซองยิ่งก้มใบหน้าต่ำลงอีก ผิวเนียนๆ กระตุ้นเลือดในกายผมให้ไหลพล่าน ริมฝีปากแดงกำลังเม้มแน่น ผมอยากไล้ปลายนิ้วเพื่อคลายมันออก แดซองยังก้มหน้างุดผมลองทรงปรกจนปิดบังดวงตาไว้ ลมหายใจกระชั้นของแดซองคล้ายเสียงหอบที่ผมคิดเอาเองว่าเขากำลังตื่นเต้นอยู่ ใจผมที่เต้นโครมครามไปกับอากัปกิริยานั้นแทบหมดความยับยั้งชั่งใจ และหมดลงในอีกหนึ่งวินาทีต่อมา ขอเถอะนะฉันมันความอดทนต่ำผมโน้มลงประกบจูบริมฝีปากน่ารักขอแดซองทันที


“อะเอ่อ...คุณยา...อุ๊ฟ!” ผมเริ่มกดจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยบางสิ่ง แต่เอาไว้ก่อนตอนนี้ผมไม่อยากรับฟังอะไรมากกว่าการสัมผัสปลายลิ้นที่ตื่นกลัวในตอนนี้ของแดซอง ผมบดเบียดริมฝีปากตัวเองเข้ากับแดซองที่น่ารัก รุกเร้าด้วยลิ้นร้อนๆ ที่แทรกเข้าไปทีละนิดจนเข้าไปสำรวจโพลงปากที่หอมหวานนั้น สอดดุนดันลิ้นเล็กที่กำลังสั่นกลัวสัมผัสจากผม ราวกับจะวิ่งหนี

“อืมมมม” เสียงครางแสนหวานที่เล็ดลอดจากปากเล็กๆ นั่นแทบทำเอาผมคลั่ง อยากสัมผัสร่างกายที่งดงามแข็งแรงของเด็กหนุ่มที่อ่อนระทวยในอ้อมกอดให้มากกว่านี้ ผมไล้นิ้วโป้งที่ลำคอเรียวระหงเลื่อนขึ้นไปหยอกเย้าติ่งหูพร้อมกับกระซิบถ้อยคำหวานให้แดซอง


“หวานจังเลยนะ...”ผมกระซิบข้างริมฝีปากและไล้เลียริมฝีปากเด็กหนุ่ม ที่สั่นเป็นลูกนกอยู่ตอนนี้ “ซอสมะเขือเทศนี่หวานจริงๆด้วย” ผมเอ่ยถึงรสชาติที่ลิ้มรสจากปลายลิ้นของแดซอง มือทั้งสองสอดประสานไม่อยู่นิ่งอีกข้างล้วงเข้าไปภายใต้สาบเสื้อนักเรียน ไล้ผิวเนียนมือสัมผัสกล้ามเนื้อที่เกร็งรับสัมผัสจากผม


“งือออ...คะคุณยาง อ๊ะ!” ผมสะกิดยอดอกจนเครียดเขม็ง ฝ่ามือร้อนๆ ของผมเลื่อนลงข้างล่างอย่างคาดหวังจนถึงขอกางเกงที่มีไรขนขึ้นเบาบาง นิ้วมือก็สะกิดเขี่ยบริเวณท้องน้อยกระตุ้นความหวาม พร้อมกับซุกใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่นของเด็กหนุ่มที่เฝ้าปราถนา



“เธอตัวร้อนจังเลยนะ” ผมกระซิบแผ่วๆที่ข้างหู ปลายจมูกปัดผ่านซอกคอจนถึงไหปลาร้า มือก็ปลดเน็กไทน์จนหลวมแกะกระดุมที่ขวางกั้นการสัมผัสผมเขี่ยจนมันหลุดจากกันเรียบร้อยผมจึงล้วงเข้าไปลูบไล้ตามผิวกายเรียบลื่นเพราะการนิ่งเงียบไปของแดซองทำให้ผมสนใจมองดูคนในอ้อมกอด ใบหน้าครุ่นคิดของแดซองสะกิดความสนใจของผม


“แดซองเธอคิดอะไร” ผมจับใบหน้าแดซองหันกลับมามอง ซึ่งแดซองรีบหลุบตา ลงมองเข็มขัดตัวเองทันที


น่ารัก!!


ผมมองท่าทางนั้นแล้วแอบบอกตัวเองในใจ ปากน้อยๆนั่นเม้มเข้าหากันอีก ผมให้เวลาแดซองคิดเหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังมีคำถามกับผม เพราะแววตาที่เหลือบมองมานั้นบ่งบอก ผมไม่อยากตอบ แต่ผมอยาก กด! เมื่อเหล่ตามองคนขับรถก็เห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นมองอยู่เช่นกัน เลยต้องปล่อยแดซองไปก่อนในวันนี้...


“คุณยางทำไม...” แดซองอึกอักๆ แล้วถามผมเสียงอ่อยผมพอจะเข้าใจเพราะท่าทางของแดซองมันฟ้องว่า สงสัยในตัวผม ผมถอนใจ ทอดมองแดซองด้วยแววตาอ่อนโยน จับจ้องใบหน้าที่ผมหลงไหลสำรวจคิ้ว จมูก ริมฝีปาก ปลายคาง ทุกอย่างบนนั้นอย่างแสนเสน่หา


“ทำไมฉันถึงทำอย่างนี้กับเธอน่ะเหรอแดซอง...” ผมถามด้วยคำถามของแดซองที่ตั้งใจจะถามนั่นแหละแดซองพยักหน้าหงึกหงัก รอคอยคำตอบของผม แต่ผมดึงร่างของแดซองขึ้นนั่งตักสองแขนโอบประคองเด็กหนุ่มให้ซบลงที่อกกว้าง ใจของผมเต้นแรงเมื่อได้สัมผัสถึงการโอนอ่อนผ่อนตามของคนบนตัก ร่างแดซองเอนซอบอกผมอย่างเต็มใจ


“เพราะเธอเป็นทายาทหมายเลขหนึ่งของฉันน่ะสิ”ผมบอกเสียงนุ่มที่ข้างหูแดซอง “รู้มั้ยหมายเลขหนึ่งต้องอยู่ใกล้ชิดกับฉัน และต้องตามใจฉันทุกอย่างด้วย” ผมบอกแดซองในสิ่งที่คาดหวังต้องการแดซองเอาแต่นิ่งเงียบฟังในสิ่งที่ผมจะพูดไม่ตอบโต้กลับมาเลย ผมเดาเอาว่าแดซองกำลังสงสัยอีกแล้ว...ว่าผมคงต้องการความรักจากเขานั่นแหละ


“ใช่!!” ผมตอบตัวเองและแดซอง “เธอเป็นคนพิเศษที่สุด จำเอาไว้นะ” ผมย้ำคำพูดตัวเองอีกเพื่อให้แดซองได้แน่ใจในความรู้สึกของผม ผมกดริมฝีปากประทับไว้บนหน้าผากของแดซอง จากนั้นก็ผูกเน็กไทน์ให้แดซองต่อด้วยติดกระดุมที่หลุดลุ่ยด้วยฝีมือตัวเอง ติดไปก็แอบลอบมองผิวเนียนไปด้วย ผมเลื่อนร่างของเด็กหนุ่มลงจากตัก ก่อนที่อะไรๆมันจะเกินหักห้ามใจ รถที่แล่นช้าลงจนจอดนิ่งในที่สุดพร้อมกับเสียงคนขับที่ดังขึ้นขัดจังหวะหวานระหว่างผมกับแดซอง


“ถึงแล้วครับ!” ผมปล่อยให้แดซองร่ำลาแล้วลงจากรถไป แดซองเดินเข้าประตูใหญ่ไปพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ ผมจึงละสายตากลับมาอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า สูดกลิ่นกายของแดซองที่หลงเหลือในรถแล้วยิ้มออกมา


“คุณยางครับไปที่บริษัทไหนก่อนดีครับ” คนขับรถของแดซองเอ่ยถามผมอย่างนอบน้อม นั่นสินะวันนี้ผมมาพร้อมแดซองคนขับก็ไม่ใช่คนเดิมที่ทำงานกันอย่างรู้งานผมจึงบอกกลับไปอย่างอารมณ์ดี


“ไปบริษัท ควอน แล้วกัน” ผมหยิบเอกสารซื้อขายหุ้นที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ ต้องรีบจัดการก่อนที่บริษัทควอนของพ่อจียงจะฟื้นขึ้นมาได้ด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีหมากเอาไว้ต่อรองกับเจ้าซึงฮยอนบ้าเลือดนั่นน่ะสิ


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น