BigBang: Beginning…
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
สายลมหนาวพัดผ่านมาวูบใหญ่แต่เด็กหนุ่มร่างบางที่กอปรด้วยกล้ามเนื้อพองามนั้นเอาแต่ยืนกอดรัดตัวเองนิ่ง นานๆครั้งจะขยับยุกยิกเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บออกไปแม้ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก สายตาก็คอยสอดส่องว่าคนที่รอเมื่อไหร่จะมาเสียที พลางก้มมองนาฬิกา เบบี้จีสีลูกกวาดอีกครั้ง ความหงุดหงิดบวกกับความหนาวทำให้เด็กหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที ...เห็นทีจะญาติดีกันไม่ได้แล้วงานนี้ ...เด็กหนุ่มคิดพลางก็นั่งยองๆลง แนบแผ่นหลังกับกำแพงเพื่อหาความอบอุ่นให้ตัวเองแต่ดูท่าว่าจะได้เจอแต่ความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้ามาภายใน ควาน จียง คือชื่อของเขาดวงตาเรียวหวนรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วได้ดี ภาพความทรงจำแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง จู่ๆผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนตัวเอกในหนังเรื่องเมนส์อินแบล็คก็บุกเข้ามาที่บ้านบอกว่าเขาคือผู้ถูกคัดเลือก!! การคัดเลือกที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน ...เพื่อเป็นทายาทหลายพันล้านดอลล่าซึ่งเขาเองยังไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากได้เงินมากมายขนาดนั้นหรือไม่ เขาควอน จียงเพียงแค่ต้องการชีวิตเรียบง่ายที่มีความฝันอยากเป็นนักร้อง มีแฟนน่ารักๆ ซักคน แล้วก็อาจแต่งงานมีครอบครัวเหมือนคนทั่วไป แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เมื่อพ่อบอกกับเขาว่าได้ลงชื่อเขาสมัครลงแข่งเป็นทายาท ทรัพย์สินพันล้านไปแล้ว ยังแถมอีกว่าที่บริษัทของพ่อต้องการเงินมาอุดหนุนก่อนที่จะถูกฟ้องล้มละลาย!! เขาที่เป็นพี่ชายคนโตและเป็นลูกชายคนเดียวต้องออกหน้ามารับผิดชอบ เขาทนเห็นแม่กับน้องสาวอีกสองคนร้องไห้เสียน้ำตาเป็นปี๊บไม่ได้แน่นอน เฮ้อ!...ยอมรับว่าไอ้เงินพันล้านดอลล่านั่นอาจจะจำเป็นสำหรับเขาขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มเงยหน้าจากภวังค์จ้องมองถนนด้านหลังคฤหาสยางจดจ่อและมีแววอาฆาตแฝงอยู่ ...เวลาที่เลยเที่ยงคืนมานานแล้วเขากลับต้องมารอคอยเปิดประตูหลังให้ใครคนหนึ่ง นายชเว ซึงฮยอน ตัวแสบ!!
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
Kwon ji yong: เพราะความเห็นแก่ตัวของหมอนั่นคนเดียวผมเลยต้องระเห็จออกมายืนหนาวอย่างนี้ หมอนั่นเป็นหนึ่งในคนที่ถูกคัดเลือกเหมือนกัน แม้จะอายุเยอะกว่าคนอื่นๆ หมอนั่นก็ไม่เคยได้รับความเคารพจากผมเพราะอย่างนี้น่ะสิ เดิมทีคุณยางเจ้าของความคิดหาทายาทเงินมรดกพันล้านของแกออกกฏไว้ว่ากลางคืนห้ามออกนอกคฤหาสโดยเด็ดขาด! คงไม่ต้องเดาว่าใครที่มันออกไปแรดๆ อยู่ข้างนอกนั่นจนผมต้องออกมารอ เพราะคุณยางคาดโทษไว้ว่า ไม่ว่าใครออกไปก็โดนทำโทษทุกคนเท่ากัน ฉะนั้นวันนี้ผมจึงต้องมานั่งตากลมรอเจ้าบ้าชเว ซึงฮยอน
“อูยย...หนาวจะตายอยู่แล้วเว้ย!” ผมสบถเบาๆกลัวการ์ดที่ด้านหน้าจะได้ยินเข้า สายตาก็คอยมองถนนต่อไป สองแขนก็รัดร่างตัวเองแน่นขึ้นแม้จะไม่อุ่นขึ้นมาสักเท่าไหร่
“เฮ้อ!!...” ผมถอนใจหนักๆ พ่นควันสีขาวที่เกิดจากไอร้อนออกมาเป่ารดมือที่ซีดแล้วซีดอีก ฟันกระทบกันกึกๆ กักๆ ตอกย้ำถึงความอดทนที่ลดลงเรื่อยๆ ใกล้แล้วนะซึงฮยอนนายกลับมานายตายแน่! ไม่ต้องรอให้สวรรค์อนุมัติสำหรับคำอธิฐานของผมไม่นานร่างหนาๆแถมสูงไม่เกรงใจใครของเจ้าซึงฮยอนก็เดินเข้ามาในสายตา ท่วงท่าเนิบนาบสบายอกสบายใจของหมอนั่น คงไม่ได้จารึกคำว่าเกรงใจไว้แน่นอน ยิ่งมันเห็นผมยืนสั่นเป็นหมาน้อยตากน้ำค้างยิ่งเดินช้าลงๆ เหมือนจงใจ
“ฮึ่มๆ” อย่าให้ถึงคราวฉันนะแกเจ้าซึงฮยอน ผมอยากตะโกนใส่หน้ามันจริงๆแต่ทำไม่ได้ ไม่งั้นการ์ดคงแห่กันมาแล้วพวกเราทุกคนก็คงจะถูกลงโทษ เซ็งจริงๆ เมื่อผมเห็นว่าเจ้าบ้านั่นเดินมาใกล้ถึงประตูหลังแล้วผมก็รีบเผ่นเข้าไปข้างในทันทีไม่รอเดินเข้ามาพร้อมกันเหมือนตอนที่ผมรอคนอื่นๆ เพราะผมหมั่นไส้หมอนี่เอามากๆ
“ปิดประตูเองแล้วกัน” ผมกระซิบบอกตัวเอง หึหึ แน่นอนตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญกว่าเตียงอุ่นๆ กับน้องหมีขนฟูที่ผมนอนกอดอยู่ทุกคืน หนาวจะตายอยู่แล้ว! ผมยังบ่นต่อในใจ สองเท้าก็วิ่งตรงไปที่ห้องผ่านห้องครัวที่มืดสนิท แต่ขอโทษไม่ใช่ปัญหาเพราะผมรู้ทางและชินกับมันดีพอสมควรที่จะไม่ชนอะไรเข้า วิ่งขึ้นชั้นสองตรงไปห้องตัวเองที่อยู่ริมสุดของฝั่งตะวันออก พอปิดประตูเสร็จก็ถลาลงบนเตียงนุ่มคลุมโปงทันที เฮ้อ!...อุ่นจังเลย
Choi seung hyun : ผมปิดประตูพร้อมลงกลอนเบาๆ เดินเอื่อยเข้าไปในครัวมืดอย่างรู้ทาง แม้ในเส้นเลือดของผมตอนนี้จะมีแอลกอฮอลอยู่หลายเปอร์เซ็นแต่ท่าเดินของผมกลับไม่เหมือนคนเมาซักนิด พอพ้นบันไดบนเวียนจนถึงชั้นสองผมก็มองไปทางฝั่งตะวันออก เจ้าจียงวิ่งจู๊ดเข้าห้องไปนานแล้วสงสัยกำลังนอนคลุมโปงอยู่แน่ๆ ที่จริงนายนั่นนิสัยน่ารักดี เอาจริงเอาจัง แถมเอาใจใส่คนอื่นแม้จะปากไม่ค่อยดีนักก็ตาม ที่จริงผมมาถึงด้านหลังของคฤหาสยางนานแล้วล่ะ แต่พอเห็นเจ้านั่นงุ่นง่านเพราะความหนาวยิ่งไปกระตุ้นต่อมอยากแกล้งคนของผมเข้าน่ะสิ จนเห็นว่าหมอนั่นชักไม่ไหวแล้วผมเลยเดินออกมาซักที พอเห็นหน้าผมเจ้านั่นก็วิ่งหนีเข้าห้องตัวเองทันที หรือว่าหมอนั่นจะไม่ค่อยชอบหน้าผมนะ เท่าที่จำได้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา ผมยืนคิดแล้วก็เดินไปทางฝั่งตะวันตกห้องริมสุดเป็นห้องของผมเอง ผมคือ ชเว ซึงฮยอน หนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกชิงเงินพันล้านดอลล่าของมหาเศรษฐียาง ความจริงบ้านผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไรหรอกแต่ด้วยความว่างเปล่าในชีวิต ความฝันที่จะเป็นแรปเปอร์ของผมถูกระงับไว้ชั่วคราว ผมไม่อยากเรียนต่อจึงมาเตร็ดเตร่ลงสมัครไปงั้นแหละ คิดว่านี่คือการทรรศนะศึกษาระยะยาวก็แล้วกัน แถมเจ้ายองแบ เจ้าแดซองไหนจะมักเน่(ลี ซึงฮยอน) เวลาอยู่ด้วยแล้วสนุกดีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างคงดีผมจึงไม่เดือดร้อนที่จะอยู่ที่นี่ เจ้าจียงยังน่าแกล้งมากอีกด้วย หึหึ...
“อ้าว...พี่ซึงฮยอนเพิ่งกลับมาเหรอครับ” มักเน่ทักผมที่เดินผ่านห้องเจ้านั่นที่เปิดออกมาพอดี ในมือถือแก้วมัคเปล่าๆ สงสัยกำลังจะลงไปที่ครัวหาอะไรดื่ม
“อืม...เพิ่งกลับน่ะ นายล่ะยังไม่นอนอีกเหรอดึกแล้วนะ” ผมลูบหัวน้องเล็กอย่างเอ็นดู เจ้านั่นปรือตามองผมแล้วส่ายหัว
“ผมมีสอบพรุ่งนี้อ่านหนังสืออยู่” ผมพยักหน้ารับรู้มือก็ยีหัวจนผมมักเน่ฟูฟ่อง
“ผมจะลงไปครัวพี่เอาอะไรมั้ยครับ” ผมส่ายหน้า มักเน่เลยเดินลงไปข้างล่างประตูที่เปิดแง้มให้เห็นแสงจากโคมไฟบนโต๊ะหนังสือยังมีหนังสือวางกางอยู่ ผมมองแล้วจึงยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเดินตรงไปที่ห้องตัวเองที่อยู่ริมสุด
“~♪~♫~...” ผมเดินผิวปากจนถึงห้องตัวเอง ไฟหัวเตียงสว่างโร่พร้อมกับที่เสื้อหลุดออกจากร่างกายทีละชิ้นจนถึงเตียงประตูที่ค่อยๆปิดลงบดบังร่างที่นอนแผ่หลาทั้งที่ท่อนบนเปลือยเปล่า
Lee seung hyun : ผมพยายามคลำหาสวิสไฟริมกำแพงเอาเป็นเอาตาย รู้งี้ชวนพี่ซึงฮยอนลงมาด้วยดีกว่า ทำไมในครัวมันมืดอย่างนี้ล่ะ โอ้ย! น่ากลัวชิบเป๋งเลยง่า เอาไงดีนะเดินกลับขึ้นไป หรือเดินไปที่ตู้เย็นหาน้ำอัดลมดื่มหรือโอ้ยยยๆ มันมืดน่ากลัวจังง่า ดูสิเงาตะคุ่มพวกนั้นมันคืออะไรบ้างนะ แงๆ ผมคือ ลี ซึงฮยอน น้องเล็กของผู้ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมขบวนการหาทายาทพันล้านดอลล่าของคุณยาง ผมเป็นน้องเล็กไม่ใช่เพราะตัวเล็กหรอกนะครับเพราะผมอายุน้อยที่สุดต่างหาก ปีนี้ผมอายุสิบเจ็ดปีแล้วแม้ผมจะโดนรุมเอ็นดูจากพี่ๆ แต่พวกพี่ก็โหดมากเลยชอบใช้กำลังกับผมเรื่อย โดยเฉพาะพี่ซึง ฮยอนชอบเขกหัวผมประจำเลย แถมยังชอบใช้งานผมให้ทำอาหารอีกต่างหากแง่มๆ ไม่เป็นไรฮะเพราะพี่ๆเป็นคนดีผมเลยยอมให้นะเนี่ย ที่ผมมาสมัครเพราะผมฝันว่าซักวันอยากเข้าเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียง แล้วอาจเลยไปเรียนต่อที่ออสเตรีย ฮิฮิ เลยลองสมัครเข้าร่วมแต่ผ่านเข้ารอบมาได้นี่ผมยังเหลือเชื่อตัวเองเลยฮะ เพราะไม่อยากรบกวนที่บ้านเพราะความฝันของผมนั่นต้องใช้เงินเยอะ ความฝันสูงสุดของผมคือการเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน!
“ว้ากกกกกกกกกกก” เสียงแหกปากของผมเอง มะ มือใครเนี่ยบนบ่าโผมม ฮือๆจะตายแล้ว โดนผีหลอก ผมทรุดลงกับพื้นเพราะกลัวจนหมดแรงไปแล้วอ่า
“เป็นอะไรไปซึงฮยอน” เสียงนุ่มและทุ้มของมือปริศนาดังอยู่เหนือศีรษะผม พอเงยหน้าก็เห็นแต่เงาตะคุ่มเหมือนเดิม แล้วไฟในครัวก็สว่างพรึ่บขึ้นเหมือนเสกด้วยมนต์วิเศษ
“พี่ยองแบ!!” ผมอุทานอย่างดีใจ สงสัยพี่แกเป็นคนเปิดไฟแหงเลย พี่เก่งจังหาหาสวิสไฟเจอได้ยังไงเนี่ย ผมส่งสายตาวิ้งๆไปให้พี่ยองแบอย่างชื่นชม
“เป็นไรไปซึงฮยอน!!” พี่ยองแบเขย่าไหล่ผมอีก สงสัยผมจ้องหน้าพี่ยองแบนานไปหน่อย แฮ่ๆ
“พี่ลงมาทำอะไรเหรอครับ” ผมถามทั้งที่ยังนั่งแปะอยู่ที่เดิม
“หิวน่ะ” พี่ยองแบเดินไปที่ตู้เย็นปล่อยให้ผมนั่งมองตามตาปริบๆ เพราะแรงที่ขาหายไปหมดแล้วอ่ะ
“พี่ยองแบคร้าบบ ดึงผมขึ้นหน่อย คือเมื่อกี้ผมตกใจมากอ่ะ เลยไม่มีแรงลุก” ผมใช้สายตาอ้อนวอนสุด พี่ยองแบถอนใจแล้วเดินมาที่ผมนั่งอยู่ พยุงแขนสองข้างโดยที่พี่ยองแบซ้อนอยู่ด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆของพี่ยองแบเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ ขาของผมยิ่งแรงไม่มียิ่งกว่าเดิมอีก แงๆ
“นายทำไมขวัญอ่อนนักนะ!” โอ้ยพี่ยองแบอย่าพูดตอนที่อยู่ข้างหลังผมสิฮะมันหวั่นไหวนะคนบ้า! แต่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่กำลังคิดหรอกแฮ่ๆ
“ก็มันน่ากลัวนี่ครับพี่” ผมบอกความจริง ยอมรับเต็มภาคภูมิว่ากลัวผีและความมืดฮะ
“พี่หิวจนนอนไม่หลับเหรอฮะ” ผมถามพี่ยองแบที่ก้มๆเงยที่หน้าตู้เย็น จนตูดงอนงอน เด้งมาด้านหลัง แฮ่ๆเปล่านะผมไม่ได้จ้องตาเป็นมันนะครับ><
“อือ...นายเอาด้วยมะ” พี่ยองแบเดินถือขวดน้ำอัดลมมาทางผมแล้วเทเจ้าน้ำสีดำใส่แก้วมัค เป็นปลื้มครับพี่ยองแบดีที่สุดเลยรู้ใจผมจริงๆ นะเนี่ยผมคงต้องตอบแทนพี่ซะแล้ว
“ผมทำอะไรให้กินเอามั้ยฮะ” ผมอาสาอย่างเต็มใจ พี่ยองแบที่ยืนอยู่ที่ตู้เย็นหันมาเลิกคิ้วเป็นคำถามให้ผม
“ผมลุกไหวแล้วครับ มาฮะผมจะทำไข่เจียวทูน่าให้กิน” ผมเดินพับแขนเสื้อไปแย่งพื้นที่หน้าตู้เย็นมาจากพี่ยองแบเรียบร้อย เอาไข่ออกมาสี่ฟอง(เผื่อตัวเองด้วย) ทูน่าหนึ่งกระป๋อง เดินไปที่เคาท์เตอร์เตรียมทำเมนูสุดพิเศษเพื่อพี่ยองแบที่รู้ใจผม อิอิ...
Dong young bae: ผมมองแผ่นหลังน้องเล็กซึงฮยอนที่ง่วนกับตู้เย็นแทนผมไปแล้ว ซึงฮยอนเป็นน้องที่นิสัยดีแต่ความมั่นใจเกินมาตรฐานของหมอนี่ทำผมอิจฉาทุกครั้ง! ทั้งที่ผมอายุเท่ากับจียง แต่ผม ทง ยองแบ กลับยังไม่เคยมีแฟนซักคน เพาะความขี้อายที่แก้ไม่ได้ซักทีทำให้ผมชวดสาวมาหลายต่อหลายครั้ง และคนที่คาบไปรับประทานก็เจ้าจียงนี่แหละ ผมเป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนในคฤหาสตระกูลยาง เป็นผู้ถูกคัดเลือกเป็นลำดับที่สองต่อจากเจ้าควาน จียง เฮ้อ! ดูเหมือนทุกอย่างจะต้องเป็นรองหมอนั่นเสมอสินะ การลงแข่งขันเป็นทายาทในครั้งนี้ของผมเป็นเพราะคุณปู่ที่นอนป่วยเป็นมะเร็งผมแอบรู้มาว่าในประเทศเพื่อนบ้านนี้เองมีเครื่องที่สามารถฆ่าเชื้อมะเร็งให้หายขาดได้ ผมเลยต้องเข้าร่วมการแข่งขันโดยทิ้งความฝันที่จะเป็นนักร้องไว้เบื้องหลังอย่างน่าเสียดายเพราะค่าเครื่องนี้มันปาเข้าหนึ่งล้านดอลล่าต่อการรักษาหนึ่งครั้งฉะนั้นเงินของคุณยางจึงจำเป็นต่อผมมาก...
“...พี่ยองแบครับ!!” ซึงฮยอนตะโกนใส่หน้าผม ตาใสแป๋วกำลังจ้องตาของผมอยู่ แล้วทำไมถึงเข้ามาใกล้ขนาดนั้นล่ะเจ้าบ้า
“มีอะไร?” ผมถามหมอนั่นงงๆ
“ก็พี่ยองแบเหม่อลอยไปไหนล่ะครับ ผมเรียกตั้งนานแล้วเนี่ย!” น้องเล็กซึง ฮยอนเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ผมเกาศีรษะแกรกๆ เพราะสงสัยผมจะคิดเรื่อยเปื่อยนานไปหน่อย เพราะตอนนี้ไข่เจียวทูน่าของซึงฮยอนเสิร์ฟที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว อืมม... กลิ่นหอมมากเลย เจ้าซึงฮยอนน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงซะเลยเพราะถ้าหมอนี่เป็นผู้หญิงผมจะขอจีบเป็นคนแรก คงยังไม่มีใครบอกหมอนี่สินะว่านายทำอาหารอร่อยมาก แถมหน้าหวานๆของนายก็ชวนมองแบบไม่รู้เบื่อ ...ที่สำคัญผมคงไม่อายม้วนกับซึงฮยอนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ หรอก
“พี่ยองแบอร่อยมะ” เจ้าซึงฮยอนตั้งหน้าตั้งตาจ้องผมที่เคี้ยวไข่เจียวทูน่า ผมอมยิ้มหมอนี่มันน่ารักจริงๆ
“อร่อยดี!”
“เย้!!” เจ้าซึงฮยอนดีอกดีใจกับคำชมของผม หมอนี่มันเด็กจริงๆ แต่ก็น่ารักดีอ่ะนะ
“งั้นทานเยอะๆนะครับ” เจ้าซึงฮยอนคีบไข่เจียวใส่ชามข้าวของผมอีกคำใหญ่ ดูสิฮะหมอนี่มันช่างเอาอกเอาใจ ทำไมนายไม่เป็นผู้หญิงฟระ...
เราสองคนทานมื้อดึกเสร็จแล้วผมก็อาสาล้างชามให้เพราะซึงฮยอนทำกับข้าวไปแล้วนี่ครับผมไม่อยากเอาเปรียบน้องเล็กหรอกน่า แต่เจ้าซึงฮยอนยังนั่งมองผมไม่ยอมขึ้นไปห้องตัวเองซักที พอผมคว่ำจานชามเสร็จก็จะเดินไปปิดไฟเท่านั้นแหละเจ้าน้องเล็กก็เผ่นมาเกาะแขนผมซะแน่นเลย เฮ้อ...นายกลัวทำไมแค่ความมืดเนี่ย
“กลัวอะไรไม่เข้าท่าเลย” ผมต่อว่าซึงฮยอนขำๆ โอบแขนรอบคอหมอนั่นเดินขึ้นชั้นบนพร้อมกัน เจ้าซึงฮยอนยังพึมพำข้างๆผมไม่หยุด
“ก็มันน่ากลัวนี่นา ไม่รู้ว่าตอนมันมืดมีอะไรออกมาบ้างนิ” เสียงกระเง้ากระงอดเหมือนผู้หญิงของหมอนี่ยิ่งทำให้ความอยากของผมเป็นจริงขึ้นมาซะแล้ว
ทำไมนายไม่เป็นผู้หญิงว้า.............เจ้าน้องเล็ก ลี ซึงฮยอน!!
Kang dae seung: ติ๊ดๆๆๆ...เสียงนาฬิกาปลุกดังจนผมต้องตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ง่วงแสนง่วง ฮ้าววว~~ อรุณสวัสดิ์ฮะผม คัง แดซอง ผู้สมัครแข่งขันเป็นผู้รับมรดกของเศรษฐีไร้ทายาทคุณยาง ฮยอนซอก อิอิ ปีนี้ผมอยู่ ม.ปลายปีสองของโรงเรียน กยองอิน สาเหตุการลงแข่งขันของผมเพราะที่บ้านผมไม่สนับสนุนที่ผมเลือกเป็นนักร้อง คุณพ่อของผมเลยไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนหากผมจะเป็นนักร้องแทนการเป็นนักบวช!! โธ่คุณพ่อฮะเป็นพระน่ะ เต้นอาร์แอนด์บีไม่ได้ร้องแรพก็ไม่ได้ด้วยนะ แดซองคงเฉาตายแน่ๆ อิอิ...
เอาล่ะคงได้เวลาไปปลุกเจ้ามักเน่ก่อนหมอนั่นบอกว่ามีสอบวันนี้เดี๋ยวจะนอนเพลิน ผมเดินตรงไปที่ชุดนักเรียนสีขาวกางเกงสแล็คสีเทา แต่งตัวเสร็จก็ตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาแปรงฟันสะอาดเอี่ยมแล้วก็เดินต่อไปที่ห้องของมักเน่ที่อยู่ข้างๆห้องผมนี่เองฮะ
ก็อกๆ ก็อกๆ....
เงียบ!...สงสัยจะนอนเพลินจริงๆ ด้วยไม่ไหวมักเน่นี่น้า ผมเปิดประตูเข้าไปเลยดีกว่าเพราะยังไงเจ้ามักเน่ก็ไม่ยอมล็อกห้องอยู่แล้ว เฮ้อ!...ดูสิยังนอนอยู่เลยที่นอนยุ่งเหยิงไปหมดเจ้ามักเน่มันนอนหรือมันทำอะไรกันแน่เนี่ย
“อ้าว!!” ผมมองสองร่างที่ก่ายกอดกันงงๆ ฮะนี่มันพี่ยองแบมาทำอะไรที่ห้องมักเน่เนี่ย หรือว่าสองคนนี้นอนด้วยกันเมื่อคืน
“มักเน่!!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนใส่หูเจ้ามักเน่ที่กำลังทำหน้าฝันดี หมอนี่สะดุ้งพรวดจนแขนไปเสยคางพี่ยองแบเข้า พี่ยองแบเลยพลอยตื่นไปด้วยอิอิ
“หวา~~” หมอลุกพรวดมองผมตาใสแจ๋ว
“ตื่นได้แล้วเดี๋ยวนายมีสอบไม่ใช่เหรอ” ผมบอกเจ้ามักเน่แล้วก็ดึงผ้าห่มออกจากร่างไปด้วย เจ้ามักเน่เผ่นแน่บเข้าห้องน้ำทันที
“อ๊ะ โอ๊ย!” พี่ยองแบแหกปากลั่น แหมพี่ความรู้สึกช้าไปป่าวเนี่ยเจ้ามักเน่มันเผ่นไปนู้นแล้วพี่พึ่งจะเจ็บเรอะ??
“โอยย...นายทำอะไรฟะแดซองมันเจ็บนะเนี่ย!”
“โทษฮะพี่ยองแบ โน้นคนทำมันไปล้างหน้าแล้ว” ชิ เจ็บไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวซ้ำรอยซะเลยนะฮะ หุหุ แล้วพี่ยองแบก็ล้มตัวนอนต่อ แหมๆ พอบอกว่าเป็นเจ้าน้องรักเข้าหน่อยล่ะก็ไม่เคยมีปากมีเสียงนะฮะ ถ้าเป็นคังแด ซองคนนี้ทำล่ะก็พี่ยองแบคงลุกขึ้นมาสกายคิกใส่ผมแล้วใช่ม้า เมื่อเห็นว่าปลุกเจ้าน้องเล็กสำเร็จแล้วก็เดินกลับไปเตรียมตัวไปเรียนปล่อยให้พี่ยองแบนอนเฝ้าห้องมักเน่ต่อไป
Yang Hyun suk : ผมยาง ฮยอนซอกเจ้าของ
มรดกที่สืบต่อมาหลายต่อหลายรุ่นมูลค่าเป็นพันล้านดอลล่าทีเดียว ผมจัดให้มีการรับสมัครเด็กหนุ่มทั่วประเทศจนคัดเหลือแค่ห้าคน เด็กพวกนี้ต้องอยู่ในที่ๆผมจัดเตรียมให้ ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ผมต้องการเพื่อจะได้พร้อมสำหรับการรับช่วงดูแลกิจการที่มากมายทั้งในและนอกประเทศ เสียงเอะอะของเด็กๆข้างบนทำเอาผมที่เดินมาตรวจความเป็นอยู่อดทำขมวดคิ้วไปไม่ได้
“อะไรกันนี่เสียงดังกันแต่เช้า” ผมบ่นด้วยความไม่ค่อยพอใจ “บอกให้พ่อบ้านตั้งโต๊ะที่นี่วันนี้จะทานอาหารเช้ากับพวกลิงทั้งหลายมีเรื่องจะคุย” ผมสั่งคิม มีอาเลขาส่วนตัวที่คอยเดิมตามแล้วจดยุกยิกตามที่ผมสั่ง ขณะที่ผมเดินผ่านบันไดเวียนที่ออกแบบอย่างสวยงามไว้กลางโถงใหญ่ร่างของคังแด ซองซึ่งแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วกำลังหิ้วกระเป๋าลงมาเมื่อเจอผมที่ยืนรออยู่ที่ปลายบันไดเด็กหนุ่มก็เดินโค้งมาให้แต่ไกลจนแทบจะตกบันไดใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างพลอยทำให้ผมที่กำลังอารมณ์บูดอดยิ้มแย้มไปด้วยไม่ได้จริงๆ
“ตื่นแต่เช้านะแดซอง” ผมเอ่ยทักเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่น
“ครับคุณยาง วันนี้เวรผมทำอาหารเช้าฮะ” เด็กตอบพลางยิ้มไปพลางไม่มีท่าทางขัดเขินแต่อย่างใด และคำตอบก็เป็นที่น่าพอใจเสียด้วยสิ ช่างตรงต่อหน้าที่เหลือเกิน
“อ้อ งั้นรึแต่คงไม่ต้องทำแล้วล่ะ วันนี้ฉันให้พ่อครัวตั้งโต๊ะที่นี่เธอก็มานั่งคอยเป็นเพื่อนฉันเถอะมา” หลังจากเอ่ยชวนแล้วก็เดินนำไปที่ชุดรับแขกที่สั่งตรงมาจากอิตาลี
“การเรียนเป็นไงบ้างไปได้ดีหรือเปล่า” ผมชวนคุยขณะที่แดซองนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยดีครับตอนนี้อยู่ในช่วงสอบ” แดซองบอกเล่าเก้าสิบขณะที่สายตาก็คอยมองไปที่บันไดไม่หยุด เริ่มทำเอาผมหงุดหงิดที่แดซองไม่ยอมสนใจผมอย่างจริงจัง แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดเนี่ย!
“เป็นอะไรไป ?” ผมจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง “มีอะไรหรือเปล่าแดซอง” ผมถามเสียงเข้ม ใบหน้าที่มักประดับรอยยิ้มของแดซองพลันซีดลง ผมทำอะไรผิดไปหรือ
“เปล่าครับคุณยาง ผมแค่รอมักเน่น่ะครับวันนี้มักเน่ต้องไปสอบช่วงเช้าเดี๋ยวไม่ทัน” แดซองอธิบายหวาดๆ โถเด็กน้อยฉันคงทำให้เธอตกใจสินะ
“งั้นรึถ้ารีบมากเดี๋ยวให้คนเอารถไปส่งแล้วกันไม่ต้องออกไปเบียดบนรถเมล์” ผมเสนอ อืมน่าจะคิดได้นานแล้วแดซองของผมจะได้ไม่ต้องออกไปส่งยิ้มให้ต่อใครข้างนอกนั่น เอ๊ะผมเป็นอะไรไปแล้วนี่
“ค ครับ” เสียงตอบรับตะกุกตะกักของแดซอง ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีก ผมทำอะไรพลาด ทำไมแดซองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพิมใจกลับทำหน้าเหี่ยวอย่างนี้ เฮ้อกลุ้ม!! (คุณยางบ่นโดยที่ไม่ได้ดูหน้าตัวเองเลยว่าเขากำลังนั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดใส่แดซอง แต่ตัวเองกลับอยากได้รอยยิ้มของแดซองเพียงคนเดียว เฮ้อ!)
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณยาง!!!!” เสียงทักทายโดยพร้อมเพรียงจากสี่หนุ่มที่เหลือที่แต่งตัวเรียบร้อยและไม่เรียบร้อยดี เท่าไหร่
“อะไรกันถ้าฉันไม่มากินข้าวที่นี่พวกเธอจะตื่นกันมั้ยเนี่ย” ผมบ่นใส่เจ้าพวกที่เหลือทันที ซึ่งก็ได้ให้หน้าจ๋อยกันทุกคน
“อาหารพร้อมแล้วค่ะ” คิม มีอารายงานผมที่นั่งหน้าเครียดท่ามกลางเด็กหนุ่มหน้าตาดี และคงจะดีที่สุดเมื่อแดซองของผมยิ้ม หึหึ...
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
สายลมหนาวพัดผ่านมาวูบใหญ่แต่เด็กหนุ่มร่างบางที่กอปรด้วยกล้ามเนื้อพองามนั้นเอาแต่ยืนกอดรัดตัวเองนิ่ง นานๆครั้งจะขยับยุกยิกเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บออกไปแม้ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก สายตาก็คอยสอดส่องว่าคนที่รอเมื่อไหร่จะมาเสียที พลางก้มมองนาฬิกา เบบี้จีสีลูกกวาดอีกครั้ง ความหงุดหงิดบวกกับความหนาวทำให้เด็กหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที ...เห็นทีจะญาติดีกันไม่ได้แล้วงานนี้ ...เด็กหนุ่มคิดพลางก็นั่งยองๆลง แนบแผ่นหลังกับกำแพงเพื่อหาความอบอุ่นให้ตัวเองแต่ดูท่าว่าจะได้เจอแต่ความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้ามาภายใน ควาน จียง คือชื่อของเขาดวงตาเรียวหวนรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วได้ดี ภาพความทรงจำแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง จู่ๆผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนตัวเอกในหนังเรื่องเมนส์อินแบล็คก็บุกเข้ามาที่บ้านบอกว่าเขาคือผู้ถูกคัดเลือก!! การคัดเลือกที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน ...เพื่อเป็นทายาทหลายพันล้านดอลล่าซึ่งเขาเองยังไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากได้เงินมากมายขนาดนั้นหรือไม่ เขาควอน จียงเพียงแค่ต้องการชีวิตเรียบง่ายที่มีความฝันอยากเป็นนักร้อง มีแฟนน่ารักๆ ซักคน แล้วก็อาจแต่งงานมีครอบครัวเหมือนคนทั่วไป แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เมื่อพ่อบอกกับเขาว่าได้ลงชื่อเขาสมัครลงแข่งเป็นทายาท ทรัพย์สินพันล้านไปแล้ว ยังแถมอีกว่าที่บริษัทของพ่อต้องการเงินมาอุดหนุนก่อนที่จะถูกฟ้องล้มละลาย!! เขาที่เป็นพี่ชายคนโตและเป็นลูกชายคนเดียวต้องออกหน้ามารับผิดชอบ เขาทนเห็นแม่กับน้องสาวอีกสองคนร้องไห้เสียน้ำตาเป็นปี๊บไม่ได้แน่นอน เฮ้อ!...ยอมรับว่าไอ้เงินพันล้านดอลล่านั่นอาจจะจำเป็นสำหรับเขาขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มเงยหน้าจากภวังค์จ้องมองถนนด้านหลังคฤหาสยางจดจ่อและมีแววอาฆาตแฝงอยู่ ...เวลาที่เลยเที่ยงคืนมานานแล้วเขากลับต้องมารอคอยเปิดประตูหลังให้ใครคนหนึ่ง นายชเว ซึงฮยอน ตัวแสบ!!
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
Kwon ji yong: เพราะความเห็นแก่ตัวของหมอนั่นคนเดียวผมเลยต้องระเห็จออกมายืนหนาวอย่างนี้ หมอนั่นเป็นหนึ่งในคนที่ถูกคัดเลือกเหมือนกัน แม้จะอายุเยอะกว่าคนอื่นๆ หมอนั่นก็ไม่เคยได้รับความเคารพจากผมเพราะอย่างนี้น่ะสิ เดิมทีคุณยางเจ้าของความคิดหาทายาทเงินมรดกพันล้านของแกออกกฏไว้ว่ากลางคืนห้ามออกนอกคฤหาสโดยเด็ดขาด! คงไม่ต้องเดาว่าใครที่มันออกไปแรดๆ อยู่ข้างนอกนั่นจนผมต้องออกมารอ เพราะคุณยางคาดโทษไว้ว่า ไม่ว่าใครออกไปก็โดนทำโทษทุกคนเท่ากัน ฉะนั้นวันนี้ผมจึงต้องมานั่งตากลมรอเจ้าบ้าชเว ซึงฮยอน
“อูยย...หนาวจะตายอยู่แล้วเว้ย!” ผมสบถเบาๆกลัวการ์ดที่ด้านหน้าจะได้ยินเข้า สายตาก็คอยมองถนนต่อไป สองแขนก็รัดร่างตัวเองแน่นขึ้นแม้จะไม่อุ่นขึ้นมาสักเท่าไหร่
“เฮ้อ!!...” ผมถอนใจหนักๆ พ่นควันสีขาวที่เกิดจากไอร้อนออกมาเป่ารดมือที่ซีดแล้วซีดอีก ฟันกระทบกันกึกๆ กักๆ ตอกย้ำถึงความอดทนที่ลดลงเรื่อยๆ ใกล้แล้วนะซึงฮยอนนายกลับมานายตายแน่! ไม่ต้องรอให้สวรรค์อนุมัติสำหรับคำอธิฐานของผมไม่นานร่างหนาๆแถมสูงไม่เกรงใจใครของเจ้าซึงฮยอนก็เดินเข้ามาในสายตา ท่วงท่าเนิบนาบสบายอกสบายใจของหมอนั่น คงไม่ได้จารึกคำว่าเกรงใจไว้แน่นอน ยิ่งมันเห็นผมยืนสั่นเป็นหมาน้อยตากน้ำค้างยิ่งเดินช้าลงๆ เหมือนจงใจ
“ฮึ่มๆ” อย่าให้ถึงคราวฉันนะแกเจ้าซึงฮยอน ผมอยากตะโกนใส่หน้ามันจริงๆแต่ทำไม่ได้ ไม่งั้นการ์ดคงแห่กันมาแล้วพวกเราทุกคนก็คงจะถูกลงโทษ เซ็งจริงๆ เมื่อผมเห็นว่าเจ้าบ้านั่นเดินมาใกล้ถึงประตูหลังแล้วผมก็รีบเผ่นเข้าไปข้างในทันทีไม่รอเดินเข้ามาพร้อมกันเหมือนตอนที่ผมรอคนอื่นๆ เพราะผมหมั่นไส้หมอนี่เอามากๆ
“ปิดประตูเองแล้วกัน” ผมกระซิบบอกตัวเอง หึหึ แน่นอนตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญกว่าเตียงอุ่นๆ กับน้องหมีขนฟูที่ผมนอนกอดอยู่ทุกคืน หนาวจะตายอยู่แล้ว! ผมยังบ่นต่อในใจ สองเท้าก็วิ่งตรงไปที่ห้องผ่านห้องครัวที่มืดสนิท แต่ขอโทษไม่ใช่ปัญหาเพราะผมรู้ทางและชินกับมันดีพอสมควรที่จะไม่ชนอะไรเข้า วิ่งขึ้นชั้นสองตรงไปห้องตัวเองที่อยู่ริมสุดของฝั่งตะวันออก พอปิดประตูเสร็จก็ถลาลงบนเตียงนุ่มคลุมโปงทันที เฮ้อ!...อุ่นจังเลย
Choi seung hyun : ผมปิดประตูพร้อมลงกลอนเบาๆ เดินเอื่อยเข้าไปในครัวมืดอย่างรู้ทาง แม้ในเส้นเลือดของผมตอนนี้จะมีแอลกอฮอลอยู่หลายเปอร์เซ็นแต่ท่าเดินของผมกลับไม่เหมือนคนเมาซักนิด พอพ้นบันไดบนเวียนจนถึงชั้นสองผมก็มองไปทางฝั่งตะวันออก เจ้าจียงวิ่งจู๊ดเข้าห้องไปนานแล้วสงสัยกำลังนอนคลุมโปงอยู่แน่ๆ ที่จริงนายนั่นนิสัยน่ารักดี เอาจริงเอาจัง แถมเอาใจใส่คนอื่นแม้จะปากไม่ค่อยดีนักก็ตาม ที่จริงผมมาถึงด้านหลังของคฤหาสยางนานแล้วล่ะ แต่พอเห็นเจ้านั่นงุ่นง่านเพราะความหนาวยิ่งไปกระตุ้นต่อมอยากแกล้งคนของผมเข้าน่ะสิ จนเห็นว่าหมอนั่นชักไม่ไหวแล้วผมเลยเดินออกมาซักที พอเห็นหน้าผมเจ้านั่นก็วิ่งหนีเข้าห้องตัวเองทันที หรือว่าหมอนั่นจะไม่ค่อยชอบหน้าผมนะ เท่าที่จำได้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา ผมยืนคิดแล้วก็เดินไปทางฝั่งตะวันตกห้องริมสุดเป็นห้องของผมเอง ผมคือ ชเว ซึงฮยอน หนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกชิงเงินพันล้านดอลล่าของมหาเศรษฐียาง ความจริงบ้านผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไรหรอกแต่ด้วยความว่างเปล่าในชีวิต ความฝันที่จะเป็นแรปเปอร์ของผมถูกระงับไว้ชั่วคราว ผมไม่อยากเรียนต่อจึงมาเตร็ดเตร่ลงสมัครไปงั้นแหละ คิดว่านี่คือการทรรศนะศึกษาระยะยาวก็แล้วกัน แถมเจ้ายองแบ เจ้าแดซองไหนจะมักเน่(ลี ซึงฮยอน) เวลาอยู่ด้วยแล้วสนุกดีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างคงดีผมจึงไม่เดือดร้อนที่จะอยู่ที่นี่ เจ้าจียงยังน่าแกล้งมากอีกด้วย หึหึ...
“อ้าว...พี่ซึงฮยอนเพิ่งกลับมาเหรอครับ” มักเน่ทักผมที่เดินผ่านห้องเจ้านั่นที่เปิดออกมาพอดี ในมือถือแก้วมัคเปล่าๆ สงสัยกำลังจะลงไปที่ครัวหาอะไรดื่ม
“อืม...เพิ่งกลับน่ะ นายล่ะยังไม่นอนอีกเหรอดึกแล้วนะ” ผมลูบหัวน้องเล็กอย่างเอ็นดู เจ้านั่นปรือตามองผมแล้วส่ายหัว
“ผมมีสอบพรุ่งนี้อ่านหนังสืออยู่” ผมพยักหน้ารับรู้มือก็ยีหัวจนผมมักเน่ฟูฟ่อง
“ผมจะลงไปครัวพี่เอาอะไรมั้ยครับ” ผมส่ายหน้า มักเน่เลยเดินลงไปข้างล่างประตูที่เปิดแง้มให้เห็นแสงจากโคมไฟบนโต๊ะหนังสือยังมีหนังสือวางกางอยู่ ผมมองแล้วจึงยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเดินตรงไปที่ห้องตัวเองที่อยู่ริมสุด
“~♪~♫~...” ผมเดินผิวปากจนถึงห้องตัวเอง ไฟหัวเตียงสว่างโร่พร้อมกับที่เสื้อหลุดออกจากร่างกายทีละชิ้นจนถึงเตียงประตูที่ค่อยๆปิดลงบดบังร่างที่นอนแผ่หลาทั้งที่ท่อนบนเปลือยเปล่า
Lee seung hyun : ผมพยายามคลำหาสวิสไฟริมกำแพงเอาเป็นเอาตาย รู้งี้ชวนพี่ซึงฮยอนลงมาด้วยดีกว่า ทำไมในครัวมันมืดอย่างนี้ล่ะ โอ้ย! น่ากลัวชิบเป๋งเลยง่า เอาไงดีนะเดินกลับขึ้นไป หรือเดินไปที่ตู้เย็นหาน้ำอัดลมดื่มหรือโอ้ยยยๆ มันมืดน่ากลัวจังง่า ดูสิเงาตะคุ่มพวกนั้นมันคืออะไรบ้างนะ แงๆ ผมคือ ลี ซึงฮยอน น้องเล็กของผู้ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมขบวนการหาทายาทพันล้านดอลล่าของคุณยาง ผมเป็นน้องเล็กไม่ใช่เพราะตัวเล็กหรอกนะครับเพราะผมอายุน้อยที่สุดต่างหาก ปีนี้ผมอายุสิบเจ็ดปีแล้วแม้ผมจะโดนรุมเอ็นดูจากพี่ๆ แต่พวกพี่ก็โหดมากเลยชอบใช้กำลังกับผมเรื่อย โดยเฉพาะพี่ซึง ฮยอนชอบเขกหัวผมประจำเลย แถมยังชอบใช้งานผมให้ทำอาหารอีกต่างหากแง่มๆ ไม่เป็นไรฮะเพราะพี่ๆเป็นคนดีผมเลยยอมให้นะเนี่ย ที่ผมมาสมัครเพราะผมฝันว่าซักวันอยากเข้าเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียง แล้วอาจเลยไปเรียนต่อที่ออสเตรีย ฮิฮิ เลยลองสมัครเข้าร่วมแต่ผ่านเข้ารอบมาได้นี่ผมยังเหลือเชื่อตัวเองเลยฮะ เพราะไม่อยากรบกวนที่บ้านเพราะความฝันของผมนั่นต้องใช้เงินเยอะ ความฝันสูงสุดของผมคือการเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน!
“ว้ากกกกกกกกกกก” เสียงแหกปากของผมเอง มะ มือใครเนี่ยบนบ่าโผมม ฮือๆจะตายแล้ว โดนผีหลอก ผมทรุดลงกับพื้นเพราะกลัวจนหมดแรงไปแล้วอ่า
“เป็นอะไรไปซึงฮยอน” เสียงนุ่มและทุ้มของมือปริศนาดังอยู่เหนือศีรษะผม พอเงยหน้าก็เห็นแต่เงาตะคุ่มเหมือนเดิม แล้วไฟในครัวก็สว่างพรึ่บขึ้นเหมือนเสกด้วยมนต์วิเศษ
“พี่ยองแบ!!” ผมอุทานอย่างดีใจ สงสัยพี่แกเป็นคนเปิดไฟแหงเลย พี่เก่งจังหาหาสวิสไฟเจอได้ยังไงเนี่ย ผมส่งสายตาวิ้งๆไปให้พี่ยองแบอย่างชื่นชม
“เป็นไรไปซึงฮยอน!!” พี่ยองแบเขย่าไหล่ผมอีก สงสัยผมจ้องหน้าพี่ยองแบนานไปหน่อย แฮ่ๆ
“พี่ลงมาทำอะไรเหรอครับ” ผมถามทั้งที่ยังนั่งแปะอยู่ที่เดิม
“หิวน่ะ” พี่ยองแบเดินไปที่ตู้เย็นปล่อยให้ผมนั่งมองตามตาปริบๆ เพราะแรงที่ขาหายไปหมดแล้วอ่ะ
“พี่ยองแบคร้าบบ ดึงผมขึ้นหน่อย คือเมื่อกี้ผมตกใจมากอ่ะ เลยไม่มีแรงลุก” ผมใช้สายตาอ้อนวอนสุด พี่ยองแบถอนใจแล้วเดินมาที่ผมนั่งอยู่ พยุงแขนสองข้างโดยที่พี่ยองแบซ้อนอยู่ด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆของพี่ยองแบเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ ขาของผมยิ่งแรงไม่มียิ่งกว่าเดิมอีก แงๆ
“นายทำไมขวัญอ่อนนักนะ!” โอ้ยพี่ยองแบอย่าพูดตอนที่อยู่ข้างหลังผมสิฮะมันหวั่นไหวนะคนบ้า! แต่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่กำลังคิดหรอกแฮ่ๆ
“ก็มันน่ากลัวนี่ครับพี่” ผมบอกความจริง ยอมรับเต็มภาคภูมิว่ากลัวผีและความมืดฮะ
“พี่หิวจนนอนไม่หลับเหรอฮะ” ผมถามพี่ยองแบที่ก้มๆเงยที่หน้าตู้เย็น จนตูดงอนงอน เด้งมาด้านหลัง แฮ่ๆเปล่านะผมไม่ได้จ้องตาเป็นมันนะครับ><
“อือ...นายเอาด้วยมะ” พี่ยองแบเดินถือขวดน้ำอัดลมมาทางผมแล้วเทเจ้าน้ำสีดำใส่แก้วมัค เป็นปลื้มครับพี่ยองแบดีที่สุดเลยรู้ใจผมจริงๆ นะเนี่ยผมคงต้องตอบแทนพี่ซะแล้ว
“ผมทำอะไรให้กินเอามั้ยฮะ” ผมอาสาอย่างเต็มใจ พี่ยองแบที่ยืนอยู่ที่ตู้เย็นหันมาเลิกคิ้วเป็นคำถามให้ผม
“ผมลุกไหวแล้วครับ มาฮะผมจะทำไข่เจียวทูน่าให้กิน” ผมเดินพับแขนเสื้อไปแย่งพื้นที่หน้าตู้เย็นมาจากพี่ยองแบเรียบร้อย เอาไข่ออกมาสี่ฟอง(เผื่อตัวเองด้วย) ทูน่าหนึ่งกระป๋อง เดินไปที่เคาท์เตอร์เตรียมทำเมนูสุดพิเศษเพื่อพี่ยองแบที่รู้ใจผม อิอิ...
Dong young bae: ผมมองแผ่นหลังน้องเล็กซึงฮยอนที่ง่วนกับตู้เย็นแทนผมไปแล้ว ซึงฮยอนเป็นน้องที่นิสัยดีแต่ความมั่นใจเกินมาตรฐานของหมอนี่ทำผมอิจฉาทุกครั้ง! ทั้งที่ผมอายุเท่ากับจียง แต่ผม ทง ยองแบ กลับยังไม่เคยมีแฟนซักคน เพาะความขี้อายที่แก้ไม่ได้ซักทีทำให้ผมชวดสาวมาหลายต่อหลายครั้ง และคนที่คาบไปรับประทานก็เจ้าจียงนี่แหละ ผมเป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนในคฤหาสตระกูลยาง เป็นผู้ถูกคัดเลือกเป็นลำดับที่สองต่อจากเจ้าควาน จียง เฮ้อ! ดูเหมือนทุกอย่างจะต้องเป็นรองหมอนั่นเสมอสินะ การลงแข่งขันเป็นทายาทในครั้งนี้ของผมเป็นเพราะคุณปู่ที่นอนป่วยเป็นมะเร็งผมแอบรู้มาว่าในประเทศเพื่อนบ้านนี้เองมีเครื่องที่สามารถฆ่าเชื้อมะเร็งให้หายขาดได้ ผมเลยต้องเข้าร่วมการแข่งขันโดยทิ้งความฝันที่จะเป็นนักร้องไว้เบื้องหลังอย่างน่าเสียดายเพราะค่าเครื่องนี้มันปาเข้าหนึ่งล้านดอลล่าต่อการรักษาหนึ่งครั้งฉะนั้นเงินของคุณยางจึงจำเป็นต่อผมมาก...
“...พี่ยองแบครับ!!” ซึงฮยอนตะโกนใส่หน้าผม ตาใสแป๋วกำลังจ้องตาของผมอยู่ แล้วทำไมถึงเข้ามาใกล้ขนาดนั้นล่ะเจ้าบ้า
“มีอะไร?” ผมถามหมอนั่นงงๆ
“ก็พี่ยองแบเหม่อลอยไปไหนล่ะครับ ผมเรียกตั้งนานแล้วเนี่ย!” น้องเล็กซึง ฮยอนเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ผมเกาศีรษะแกรกๆ เพราะสงสัยผมจะคิดเรื่อยเปื่อยนานไปหน่อย เพราะตอนนี้ไข่เจียวทูน่าของซึงฮยอนเสิร์ฟที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว อืมม... กลิ่นหอมมากเลย เจ้าซึงฮยอนน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงซะเลยเพราะถ้าหมอนี่เป็นผู้หญิงผมจะขอจีบเป็นคนแรก คงยังไม่มีใครบอกหมอนี่สินะว่านายทำอาหารอร่อยมาก แถมหน้าหวานๆของนายก็ชวนมองแบบไม่รู้เบื่อ ...ที่สำคัญผมคงไม่อายม้วนกับซึงฮยอนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ หรอก
“พี่ยองแบอร่อยมะ” เจ้าซึงฮยอนตั้งหน้าตั้งตาจ้องผมที่เคี้ยวไข่เจียวทูน่า ผมอมยิ้มหมอนี่มันน่ารักจริงๆ
“อร่อยดี!”
“เย้!!” เจ้าซึงฮยอนดีอกดีใจกับคำชมของผม หมอนี่มันเด็กจริงๆ แต่ก็น่ารักดีอ่ะนะ
“งั้นทานเยอะๆนะครับ” เจ้าซึงฮยอนคีบไข่เจียวใส่ชามข้าวของผมอีกคำใหญ่ ดูสิฮะหมอนี่มันช่างเอาอกเอาใจ ทำไมนายไม่เป็นผู้หญิงฟระ...
เราสองคนทานมื้อดึกเสร็จแล้วผมก็อาสาล้างชามให้เพราะซึงฮยอนทำกับข้าวไปแล้วนี่ครับผมไม่อยากเอาเปรียบน้องเล็กหรอกน่า แต่เจ้าซึงฮยอนยังนั่งมองผมไม่ยอมขึ้นไปห้องตัวเองซักที พอผมคว่ำจานชามเสร็จก็จะเดินไปปิดไฟเท่านั้นแหละเจ้าน้องเล็กก็เผ่นมาเกาะแขนผมซะแน่นเลย เฮ้อ...นายกลัวทำไมแค่ความมืดเนี่ย
“กลัวอะไรไม่เข้าท่าเลย” ผมต่อว่าซึงฮยอนขำๆ โอบแขนรอบคอหมอนั่นเดินขึ้นชั้นบนพร้อมกัน เจ้าซึงฮยอนยังพึมพำข้างๆผมไม่หยุด
“ก็มันน่ากลัวนี่นา ไม่รู้ว่าตอนมันมืดมีอะไรออกมาบ้างนิ” เสียงกระเง้ากระงอดเหมือนผู้หญิงของหมอนี่ยิ่งทำให้ความอยากของผมเป็นจริงขึ้นมาซะแล้ว
ทำไมนายไม่เป็นผู้หญิงว้า.............เจ้าน้องเล็ก ลี ซึงฮยอน!!
Kang dae seung: ติ๊ดๆๆๆ...เสียงนาฬิกาปลุกดังจนผมต้องตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ง่วงแสนง่วง ฮ้าววว~~ อรุณสวัสดิ์ฮะผม คัง แดซอง ผู้สมัครแข่งขันเป็นผู้รับมรดกของเศรษฐีไร้ทายาทคุณยาง ฮยอนซอก อิอิ ปีนี้ผมอยู่ ม.ปลายปีสองของโรงเรียน กยองอิน สาเหตุการลงแข่งขันของผมเพราะที่บ้านผมไม่สนับสนุนที่ผมเลือกเป็นนักร้อง คุณพ่อของผมเลยไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนหากผมจะเป็นนักร้องแทนการเป็นนักบวช!! โธ่คุณพ่อฮะเป็นพระน่ะ เต้นอาร์แอนด์บีไม่ได้ร้องแรพก็ไม่ได้ด้วยนะ แดซองคงเฉาตายแน่ๆ อิอิ...
เอาล่ะคงได้เวลาไปปลุกเจ้ามักเน่ก่อนหมอนั่นบอกว่ามีสอบวันนี้เดี๋ยวจะนอนเพลิน ผมเดินตรงไปที่ชุดนักเรียนสีขาวกางเกงสแล็คสีเทา แต่งตัวเสร็จก็ตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาแปรงฟันสะอาดเอี่ยมแล้วก็เดินต่อไปที่ห้องของมักเน่ที่อยู่ข้างๆห้องผมนี่เองฮะ
ก็อกๆ ก็อกๆ....
เงียบ!...สงสัยจะนอนเพลินจริงๆ ด้วยไม่ไหวมักเน่นี่น้า ผมเปิดประตูเข้าไปเลยดีกว่าเพราะยังไงเจ้ามักเน่ก็ไม่ยอมล็อกห้องอยู่แล้ว เฮ้อ!...ดูสิยังนอนอยู่เลยที่นอนยุ่งเหยิงไปหมดเจ้ามักเน่มันนอนหรือมันทำอะไรกันแน่เนี่ย
“อ้าว!!” ผมมองสองร่างที่ก่ายกอดกันงงๆ ฮะนี่มันพี่ยองแบมาทำอะไรที่ห้องมักเน่เนี่ย หรือว่าสองคนนี้นอนด้วยกันเมื่อคืน
“มักเน่!!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนใส่หูเจ้ามักเน่ที่กำลังทำหน้าฝันดี หมอนี่สะดุ้งพรวดจนแขนไปเสยคางพี่ยองแบเข้า พี่ยองแบเลยพลอยตื่นไปด้วยอิอิ
“หวา~~” หมอลุกพรวดมองผมตาใสแจ๋ว
“ตื่นได้แล้วเดี๋ยวนายมีสอบไม่ใช่เหรอ” ผมบอกเจ้ามักเน่แล้วก็ดึงผ้าห่มออกจากร่างไปด้วย เจ้ามักเน่เผ่นแน่บเข้าห้องน้ำทันที
“อ๊ะ โอ๊ย!” พี่ยองแบแหกปากลั่น แหมพี่ความรู้สึกช้าไปป่าวเนี่ยเจ้ามักเน่มันเผ่นไปนู้นแล้วพี่พึ่งจะเจ็บเรอะ??
“โอยย...นายทำอะไรฟะแดซองมันเจ็บนะเนี่ย!”
“โทษฮะพี่ยองแบ โน้นคนทำมันไปล้างหน้าแล้ว” ชิ เจ็บไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวซ้ำรอยซะเลยนะฮะ หุหุ แล้วพี่ยองแบก็ล้มตัวนอนต่อ แหมๆ พอบอกว่าเป็นเจ้าน้องรักเข้าหน่อยล่ะก็ไม่เคยมีปากมีเสียงนะฮะ ถ้าเป็นคังแด ซองคนนี้ทำล่ะก็พี่ยองแบคงลุกขึ้นมาสกายคิกใส่ผมแล้วใช่ม้า เมื่อเห็นว่าปลุกเจ้าน้องเล็กสำเร็จแล้วก็เดินกลับไปเตรียมตัวไปเรียนปล่อยให้พี่ยองแบนอนเฝ้าห้องมักเน่ต่อไป
Yang Hyun suk : ผมยาง ฮยอนซอกเจ้าของ
มรดกที่สืบต่อมาหลายต่อหลายรุ่นมูลค่าเป็นพันล้านดอลล่าทีเดียว ผมจัดให้มีการรับสมัครเด็กหนุ่มทั่วประเทศจนคัดเหลือแค่ห้าคน เด็กพวกนี้ต้องอยู่ในที่ๆผมจัดเตรียมให้ ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ผมต้องการเพื่อจะได้พร้อมสำหรับการรับช่วงดูแลกิจการที่มากมายทั้งในและนอกประเทศ เสียงเอะอะของเด็กๆข้างบนทำเอาผมที่เดินมาตรวจความเป็นอยู่อดทำขมวดคิ้วไปไม่ได้
“อะไรกันนี่เสียงดังกันแต่เช้า” ผมบ่นด้วยความไม่ค่อยพอใจ “บอกให้พ่อบ้านตั้งโต๊ะที่นี่วันนี้จะทานอาหารเช้ากับพวกลิงทั้งหลายมีเรื่องจะคุย” ผมสั่งคิม มีอาเลขาส่วนตัวที่คอยเดิมตามแล้วจดยุกยิกตามที่ผมสั่ง ขณะที่ผมเดินผ่านบันไดเวียนที่ออกแบบอย่างสวยงามไว้กลางโถงใหญ่ร่างของคังแด ซองซึ่งแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วกำลังหิ้วกระเป๋าลงมาเมื่อเจอผมที่ยืนรออยู่ที่ปลายบันไดเด็กหนุ่มก็เดินโค้งมาให้แต่ไกลจนแทบจะตกบันไดใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างพลอยทำให้ผมที่กำลังอารมณ์บูดอดยิ้มแย้มไปด้วยไม่ได้จริงๆ
“ตื่นแต่เช้านะแดซอง” ผมเอ่ยทักเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่น
“ครับคุณยาง วันนี้เวรผมทำอาหารเช้าฮะ” เด็กตอบพลางยิ้มไปพลางไม่มีท่าทางขัดเขินแต่อย่างใด และคำตอบก็เป็นที่น่าพอใจเสียด้วยสิ ช่างตรงต่อหน้าที่เหลือเกิน
“อ้อ งั้นรึแต่คงไม่ต้องทำแล้วล่ะ วันนี้ฉันให้พ่อครัวตั้งโต๊ะที่นี่เธอก็มานั่งคอยเป็นเพื่อนฉันเถอะมา” หลังจากเอ่ยชวนแล้วก็เดินนำไปที่ชุดรับแขกที่สั่งตรงมาจากอิตาลี
“การเรียนเป็นไงบ้างไปได้ดีหรือเปล่า” ผมชวนคุยขณะที่แดซองนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยดีครับตอนนี้อยู่ในช่วงสอบ” แดซองบอกเล่าเก้าสิบขณะที่สายตาก็คอยมองไปที่บันไดไม่หยุด เริ่มทำเอาผมหงุดหงิดที่แดซองไม่ยอมสนใจผมอย่างจริงจัง แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดเนี่ย!
“เป็นอะไรไป ?” ผมจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง “มีอะไรหรือเปล่าแดซอง” ผมถามเสียงเข้ม ใบหน้าที่มักประดับรอยยิ้มของแดซองพลันซีดลง ผมทำอะไรผิดไปหรือ
“เปล่าครับคุณยาง ผมแค่รอมักเน่น่ะครับวันนี้มักเน่ต้องไปสอบช่วงเช้าเดี๋ยวไม่ทัน” แดซองอธิบายหวาดๆ โถเด็กน้อยฉันคงทำให้เธอตกใจสินะ
“งั้นรึถ้ารีบมากเดี๋ยวให้คนเอารถไปส่งแล้วกันไม่ต้องออกไปเบียดบนรถเมล์” ผมเสนอ อืมน่าจะคิดได้นานแล้วแดซองของผมจะได้ไม่ต้องออกไปส่งยิ้มให้ต่อใครข้างนอกนั่น เอ๊ะผมเป็นอะไรไปแล้วนี่
“ค ครับ” เสียงตอบรับตะกุกตะกักของแดซอง ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีก ผมทำอะไรพลาด ทำไมแดซองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพิมใจกลับทำหน้าเหี่ยวอย่างนี้ เฮ้อกลุ้ม!! (คุณยางบ่นโดยที่ไม่ได้ดูหน้าตัวเองเลยว่าเขากำลังนั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดใส่แดซอง แต่ตัวเองกลับอยากได้รอยยิ้มของแดซองเพียงคนเดียว เฮ้อ!)
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณยาง!!!!” เสียงทักทายโดยพร้อมเพรียงจากสี่หนุ่มที่เหลือที่แต่งตัวเรียบร้อยและไม่เรียบร้อยดี เท่าไหร่
“อะไรกันถ้าฉันไม่มากินข้าวที่นี่พวกเธอจะตื่นกันมั้ยเนี่ย” ผมบ่นใส่เจ้าพวกที่เหลือทันที ซึ่งก็ได้ให้หน้าจ๋อยกันทุกคน
“อาหารพร้อมแล้วค่ะ” คิม มีอารายงานผมที่นั่งหน้าเครียดท่ามกลางเด็กหนุ่มหน้าตาดี และคงจะดีที่สุดเมื่อแดซองของผมยิ้ม หึหึ...
▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น