Baby dont cry

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

BigBang: Beginning... Kwan Ji yong

BigBang: Beginning... Kwan Ji yong


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



Kwon Ji yong: ผมนายควอน จียงรอดพ้นเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยมาอย่างสบายๆ ซึ่งก็ยอมรับนะครับว่าผมมันคนฉลาด หึหึ ไม่ได้จะโอ้อวดอะไรหรอกนะครับในเมื่อมันคือความจริงที่ต้องยอมรับอยู่แล้ว ผมเลือกเรียนบริหารตามที่คุณยาง ฮันซอกต้องการทุกอย่าง มันเป็นไปตามเงื่อนไขการสมัคร ถึงอย่างนั้นก็ตามไม่ทำให้ผมล้มเลิกความสนใจในจังหวะอันเร่าร้อนของเสียงดนตรีไปได้ ใช่แล้วครับผมเลือกเรียนโทในสาขาดนตรีแต่เป็น ซาวด์เอ็นจีเนียร์ ควบคู่ไปด้วยซึ่งทางคุณยางเองก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด ตอนนี้ผมซึ่งนั่งเล็คเชอร์ในชั่วโมงวิชาบริหารทรัพยากร ซึ่งเป็นพื้นฐานของการบริหารจัดการก็ว่าได้ และมันทำให้ผมเบื่อเอามากๆ โชคดีที่นั่งติดหน้าต่างท้องฟ้าตอนสายๆ และอากาศอบอุ่นด้วยไอแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาสัมผัสผิวกายทำให้ผมอยากทำตัวขี้เกียจฟุบลงกับโต๊ะเพื่อเข้าโหมดพักอยู่เหมือนกัน แหมก็ดูสิครับท้องฟ้าสีครามประดับด้วยปุยเมฆประปรายข้างบนนั่นดูสบายตากว่าตัวหนังสือที่อ่านแทบไม่ออกของอาจารย์ป้ายูมีที่สอนวิชานี้เป็นไหนๆ ความจริงเธอคืออาจารย์ยูมี หรืออาจารย์แช ยูมีสาวโสดที่อายุเลยวัยสามสิบมาได้นิดหน่อยบวกกับการแต่งตัวแสนเชยด้วยกระโปรงยาวถึงข้อเท้าและเชิ้ตแขนยาวสีครีมซึ่งเธอแต่งแบบนี้เหมือนเป็นเครื่องแบบก็ว่าได้ ข้อดีของเธอริมก็มีแค่ฝีปากอวบอิ่มสีชมพูน่ารักๆ และผิวเนียนละเอียดแต่ข้อเสียที่เหลือก็คือการใส่แว่นกรอบหนาแสนเฉิ่มที่ปกปิดเอาความดูดีอันน้อยนิดของเธอไปซะหมด เฮ้อ!! ผมจ้องรูปร่างผอมบางที่ซ่อนภายใต้เสื้อผ้าตัวโคร่งอย่างหงุดหงิดเสียงใสๆ ของอาจารย์ยูมีพยายามอธิบายหลักการใช้สอยบุคลากรภายในองค์กรให้เหมาะสมกับงานเนื้อหามันก็เหมือนๆในหนังสือไม่ผิดเพี้ยนอาจารย์แกคงท่องจำจนขึ้นใจแล้วละมั้ง


“ส่วนรายงานสัปดาห์นี้เป็นเดี่ยวเกี่ยวกับการเลือกหัวข้อการจัดสรรบุคลากรในองค์กรอาจเกี่ยวกับการเงินและการบัญชี ขอให้นักศึกษาส่งงานในคาบหน้าด้วยนะคะ...ใครมีคำถามหรือเปล่า” เสียงใสๆของเธอถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆห้องเล็คเชอร์


“มีครับ” นั่นเสียงผมเอง แหมผมมันเด็กดีน่ะครับต้องสอบถามเพื่อความเข้าใจอันดีในการเรียน “คืองานนี้เลือกหัวข้อแล้วทำเป็นกลุ่มไม่ได้หรือครับ แล้วต้องทำเกี่ยวกับการเงินอย่างเดียวหรือเปล่า” สาวๆหลายคนในห้องหันมามองผมอย่างสนใจ แน่นอนด้วยหน้าตาที่เข้าขั้นหล่อของผมแล้วคะแนนตอนสอบเข้าที่ไม่เป็นรองใครก็พอทำให้ผมเด่นขึ้นมาได้ในสายตาพวกเธอ


“งานขอให้ส่งเป็นงานเดี่ยวนะคะ ส่วนหัวข้อเกี่ยวกับการเงินเป็นแค่การยกตัวอย่างถ้าสนใจเกี่ยวกับการจัดสรรบุคลากรกับหน่วยงานอื่น ก็ลองเสนอหัวข้อมาในรายงานค่ะ มีอะไรสงสัยอีกมั้ยคะ” อาจารย์ป้ายูมีขยับแว่นพลางถามโดยหันมาจ้องผมนิ่งๆ


“ไม่มีแล้วครับ” ผมทรุดกายลงเพราะสายตาเธอช่างเย็นเยียบไม่ชวนมองเอาเสียเลย


“ถ้าอย่างนั้นเจอกันชั่วโมงหน้านะคะ” ว่าเสร็จอาจารย์ป้ายูมีก็เชิดออกจากห้องไป เสียงฮือของนักเรียนคนอื่นที่กรูกันออกจากห้องเรียนดังจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมง่วนอยู่กับการเก็บหนังสือใส่เป้สีดำใบเขื่องแต่มือเจ้ากรรมดันปัดเอาปากการ่วงจากโต๊ะซะนี้พอผมจะก้มลงเก็บก็ช้ากว่ามือขาวๆของใครคนหนึ่งซะก่อน


“นี่ค่ะคุณ...” สาวน้อยน่ารักตรงหน้าเอ่ยพลางยื่นปากกาให้ผม ดวงตากลมโตด้วยการใส่บิ๊กอายน์ ริมฝีปากรูปกระจับเผยอออกน้อยๆ เมื่อค้างอยู่ที่ปลายประโยคซึ่งผมคงต้องต่อให้จบ


“ควอน จียงครับ” ผมยื่นมือไปรับปากกาจากมือของเธอและจงใจสัมผัสมือของเธอที่ยื่นมา “ขอบคุณครับเอ่อคุณ...” ผมใช้วิธีของเธอด้วยเว้นจังหวะไว้


“ลี แชยองค่ะยินที่ได้รู้นะคะ” สาวน้อยตรงหน้าบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานแสบตามาให้ ผมส่งยิ้มตอบอย่างรับไมตรีพร้อมกับพยักหน้าให้เธอด้วย


“ไปทานอาหารด้วยกันมั้ยคะ พอดีฉันกำลังจะไปที่โรงอาหารน่ะค่ะ” แชยองเอ่ยชวนอย่างไม่ขัดเขิน มีเพียงสายตาหวานฉ่ำส่งมาให้ แหมเมื่อสาวๆต้องการมีหรือที่จียงจะไม่สนองล่ะครับ


“งั้นดีเลยครับผมเองก็หิวแล้วสิ” รอยยิ้มวับวาวที่แปลโดยคนที่รู้กันว่าหิวอะไรกันแน่ของผมทำให้เธอ หัวเราะน้อยๆแสร้งทำเป็นทุบแขนผมอย่างเขินอาย โธ่คนสวยแบบนี้แปลว่าโอเคใช่มั้ยละครับ!! แล้วผมก็ไปกินข้าวกับเธอครับ แต่ไม่ใช่ข้าวแบบที่ต้องเปลื้องผ้ากินกันหรอกนะฮะพอดีมันพักเที่ยงพอดีผมเลยชวนเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร แต่หลังจากนั้นเราสองคนก็ตัวติดกันตลอดจนเลิกเรียน เธอเป็นคนสวยหุ่นดีกว่าสาวเกาหลีโดยทั่วไป ผมสีดำดัดเป็นลอนสวยงามยาวถึงกลางหลังบวกกับการแต่งตัวแสนน่ารักเซ็กซี่ทำให้หนุ่มๆเหลียวมองทุกครั้งที่เดินผ่านทำเอาผมยืดไปเหมือนกันแฮะ พอนึกถึงอาจารย์ป้ายูมีแล้วก็อดเปรียบสองสาวนี้ไม่ได้ อีกคนที่แก่กว่าเกือบสิบปีไม่รู้ว่าผ่านวัยสาวมายังไง ส่วนอีกคนอายุยังน้อยแต่เหมือนผ่านวัยสาวมาโชกโชนกว่าเสียอีก

หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ เราตัวติดกันได้สักพักผมกับแชยองเราก็ตกลงคบกันแบบแฟน แชยองบอกผมว่าเธอได้คบกับผมทำให้เพื่อนเธออิจฉามาก ฮ่าๆ อันนี้ผมพอจะเข้าใจเพราะความหล่อ และดูดีไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคนและในรุ่นของเราดูเหมือนผมจะโดดเด่นที่สุดซะด้วยสิ


“จีนายจะกลับกี่โมง” เสียงเจ้ายองแบถามขึ้นที่หน้าประตูห้องแต่งตัววันนี้เป็นพุธซึ่งเป็นวันเที่ยวของผม ตามที่ตกลงกันไว้จันทร์ถึงศุกร์จะมีพวกเราที่มีอายุมากกว่าสิบแปดปีจับจองช่วงเวลาค่ำคืนเพื่อท่องราตรี เพราะกฏที่คุณยางตั้งไว้คือห้ามพวกเราออกจากบ้านในตอนกลางคืนแต่ด้วยวัยหนุ่มของเราทำให้เราทุกคนตกลงที่จะลงนามในสัญญาลูกผู้ชายว่าจะแบ่งวันเที่ยวกันโดยแอบไม่ให้คุณยางรู้นั่นเอง และต้องมีคนดูต้นทางคอยเปิดประตูให้ด้วย เราตกลงกันจะเรียกการหนีเที่ยวของพวกเราทุกคนว่า “ดีเดย์”


“คงเที่ยงคืนอ่ะนะจะพยายามไม่ให้เกินแต่ถ้ามันดึกมากจะโทรมาบอกก่อนละกัน” ผมตอบยองแบในขณะที่มือหยิบหมวกเท่ๆหนึ่งในคอลเลคชั่นหมวกของผมขึ้นมาทาบศีรษะและลองโพสต์ท่าทาง ในกระจกเพื่อสำรวจมุมหล่อของตัวเอง พอลองหยิบใบอื่นมาทาบจนเป็นที่พอใจแล้วผมก็เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และมือถือที่หัวเตียง


“คือฉันจะมาบอกว่าถ้านายเลิกดึกมากก็โทรหาแดซองละกันเพราะฉันต้องรีบนอนพรุ่งต้องไปทรรศนะศึกษาที่ปูซานแต่เช้า” ยองแบบอกจุดประสงค์ที่เดินมาหาผมที่ห้องก่อนออกไปดีเดย์วันนี้


“ได้!” ผมตอบรับอย่างไม่มีปัญหา “อ้อ!นายไปกี่วันล่ะ” ผมซึ่งเตรียมตัวพร้อมแล้วหันมาสนใจเพื่อนร่วมบ้าน


“อาทิตย์นึง นายอยากได้อะไรรึเปล่า” ยองแบยืนกอดอกถามผมที่พอฟังแล้วนิ่วหน้าอย่างครุ่นคิดว่าปูซานมันมีอะไรน่าซื้อบ้างเมื่อคิดไม่ออกก็ได้แต่บอกว่า


“ตามใจนายละกันเอาอะไรก็ได้ ไปนะ!!” ผมเดินไปตบไหล่เจ้ายองแบที่ยังยืนพิงขอบประตู เมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวแล้วก็สวนกับมักเน่ที่ตรงบันไดเวียนพอดี


“อ้าวจะไปดีเดย์แล้วเหรอฮะพี่จียง” น้องน้อยลีซึงฮยอนเอ่ยปากถามทันทีที่เห็นผม


“อืม...ไปล่ะ” ผมเดินผ่านไปที่บันไดยกมือข้างที่ว่างขยี้ผมเจ้าน้องรักฮัมเพลงไปจนถึงประตูหลังที่อยู่ด้านในสุดของครัวที่มืดสนิท


กึก!!! เสียงบางอย่างทำให้ผมที่กำลังเดินผ่านครัวหยุดชะงักแล้วหันไปมองที่ต้นเสียงทันที ร่างสูงตะคุ่มของใครบางคนยืนนิ่งอยู่ข้างบาร์เครื่องดื่ม


“ดีเดย์ให้สนุกนะจี...” เสียงยานคางของเจ้าชเว ซึงฮยอนเอ่ยกับผม แม้ไม่ต้องเปิดไฟผมก็มองเห็นรอยยิ้มยียวนที่แฝงมากับคำพูดนั้นแน่นอน ชิ!! ไม่อยากเสวนาด้วยซะหน่อย ผมทำท่าว่าจะเดินผ่านไปเฉยๆไม่อยากทักนี่ครับคราวก่อนนู้นหมอนี่ให้ผมยืนรอตั้งนานทั้งหนาวทั้งง่วง มันแค้นจริงๆ


“รีบกลับล่ะ!!!” เสียงใหญ่ทุ้มของหมอนั่นยังตะโกนตามหลังมาอีกเมื่อผมเดินมาจนถึงประตูหลังแล้ว พอพ้นจากรั้วบ้านตระกูลยางเรียบร้อยผมจียงก็สูดเอาอากาศ บริสุทธ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด


“ฮ่า...ไปเมาดีกว่า” พึมพำคนเดียวเสร็จผมก็ล้วงเอามือถือบางรุ่นล่าสุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง “แชยองเหรออยู่ไหนกันแล้วครับ!!” ผมเอ่ยถามแฟนสาวคนสวยเสียงหวาน ซึ่งเธอเองที่คงมึนเมาไปแล้วก็ส่งเสียงออดอ้อนให้ผมรีบตามไปสมทบเร็วๆที่ร้าน ไอซ์ไนท์ ซึ่งเป็นผับประจำของกลุ่มผมเองครับ ผมโบกแท็กซี่ไปที่ร้านทันทีคืนนี้แชยองมาพร้อมกับเพื่อนเธออีกสองคนรวมกับเพื่อนผมที่เรียนห้องเดียวดันอีกสองคนพวกเราก็ครบคู่พอดี


“นายมาช้านะ” แดวอนหรือมิน แดวอนเอ่ยทักทันทีที่ผมนั่งลงข้างๆแชยองแขนก็โอบร่างบางที่มึนได้ที่เข้ามาใกล้อย่างถือสิทธ์ มืออีกข้างก็เอื้อมไปรับแก้วสีอำพันจากเพื่อนสาวของแชยองที่ยื่นให้ สายตาหวานเปล่งประกายวาววับให้ผมซึ่งผมก็ยิ้มตอบรับเป็นอย่างดี


“นั่นสิคะ คุณจียงมาช้าอย่างนี้ต้องโดนปรับให้ดื่มหมดแก้วเลยนะคะ” แชยองพูดกับผม เรื่องสิฮะไม่ต้องบอกแก้วแค่นี้ผมก็กะจะซดให้หมดอยู่แล้ว ผมวางแก้วว่างๆลงกับโต๊ะสาวสวยซึ่งทำหน้าที่ชงเครื่องดื่มก็หยิบเอาไปจัดการต่อทันที


“วันเสาร์นี้ว่างหรือเปล่าวะเพื่อน” แดวอนถามผมที่กำลังซุกใบหน้ากับซอกคอของแชยอง หมอนี่มันช่างขัดจังหวะซะจริงผมเลยต้องเงยขึ้นมาพูดคุยกับหมอนี่อย่างเสียไม่ได้

“ทำไมล่ะมีอะไร” ผมเปลี่ยนจากไซร้มาล้วงแทนมือที่โอบเอวไล้ไปตามผิวใต้ร่มผ้าของแชยองซึ่งเธอก็แอ่นรับกับฝ่ามือของผมด้วยดี และเธอคงชอบบริการของผมอยู่มากเชียวล่ะ


“พอดีมีปาร์ตี้วันเกิดพี่สาวที่บ้านน่ะ อยากไปหรือเปล่า” แดวอนพูดต่อโดยไม่ยอมมองที่ผมกับแชยองเลยหมอนี่เอาแต่ดื่มปากก็พูดไป


“นายมีพี่สาวด้วยเหรอวะ” คัง อินสอดปากถามแทนผมที่กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันเมื่อคังอินถามออกไปแล้วผมจึงได้แต่พยักหน้าตามไปด้วย


“อ้าว!! นี่คุณจียงไม่รู้เหรอคะพี่สาวคุณคังอินก็คืออาจารย์ป้ายูมีของพวกเราไง” คราวนี้แชยองพูดแทรกขึ้นมาทำเอาผมกับคังอินงงงันไปทันทีเพราะคาดไม่ถึง


“อะไรนะ!!” ผมกับคังอินประสานเสียงกันเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ ซึ่งแดวอนก็พยักหน้ายอมรับโดยดี


“พอดีเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ แต่พี่ยูมีก็อาศัยอยู่ที่บ้านฉันมาตั้งแต่ฉันเด็กๆแล้วล่ะ” แดวอนเล่าให้ฟังสายตาก็จ้องอยู่ที่ใบหน้าแชยองเขม็งเมื่อเนื้อหาต่อจากนั้นไม่น่าสนใจแล้วผมก็ลูบไล้ผิวกายใต้ร่มผ้าของแชยองหนักขึ้น

“ไม่เอาน่า...อื้อ!” แชยองพยายามปฏิเสธสัมผัสรุกรานของผมเสียงกระเส่าแต่ดูจากท่าทางของเธอคงแค่ปฏิเสธไปงั้นแหละเพราะเธอดูเหมือนจะชอบสัมผัสของผมมากกว่า


“นี่เดี๋ยวไปที่ห้องนะ” เสียงกระซิบของผมที่ริมหูแชยองได้คำตอบเป็นการพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับสายตาหวานเยิ้มเพราะความร้อนของแอลกอฮอลและความเร่าร้อนจากอารมณ์พิศวาสที่ผมปลุกปั่นขึ้น ผมนั่งดื่มกับแชยองและเพื่อนๆในกลุ่มสักพักเมื่อมึนเมาได้ที่ก็พาแชยองแยกออกมาตรงไปที่ห้องพักซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นที่เธออาศัยอยู่กับเพื่อนสาวอีกคน พอลงจากแท็กซี่เท่านั้นแหละผมซึ่งประคองร่างบอบบางของแชยองก็ผลักเธอเข้าไปในลิฟท์เมื่อกดไปที่ชั้นที่สิบเจ็ดเรียบร้อยก็กระแทกร่างแชยองเข้ากับผนังลิฟท์จนเสียงดังกดจมูกและริมฝีปากซุกไซร้ใบหน้าและซอกคอหอมกรุ่นของเธอ


“อืมมม คุณจียง...” แชยองร้องครางเรียกชื่อและเงียบลงเมื่อผมปิดปากเธอด้วยจูบดูดดื่ม ประตูลิฟท์เปิดออกเราสองคนก็ตรงไปที่ห้องพักของเธอทันทีผมนัวเนียแชยองไปจนถึงห้องส่วนตัวของเธอไม่ทันถึงเตียง เราสองคนก็เหลือแค่ตัวเปล่าๆ ผมโถมร่างใส่แชยองที่บิดร่างเร้าๆรอผมบนเตียงพอเธอโอบคอผมได้เท่านั้นริมฝีปากก็ประกบจูบเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนแทบแยกไม่ออกว่าเธอหรือผมที่ฝ่ายรุกกันแน่!!

...เมื่อเสร็จสมอารมณ์เรียบร้อยผมก็ผละออกจากแชยองที่นอนแน่นิ่งรวยรินอยู่บนเตียงซึ่งต่างจากผมที่หายเมาเป็นปลิดทิ้ง หึหึ ไม่มีอะไรเยี่ยมไปกว่านี้แล้วล่ะครับสำหรับชีวิตวัยหนุ่ม ผมเดินเข้าไปอาบน้ำหลังจากที่จบยกที่สองกับแชยองเตรียมกลับบ้านเมื่อดูนาฬิกาที่บอกเวลาหลังเที่ยงมาแล้วสองชั่วโมง

“จะกลับแล้วเหรอคะคุณจียง” แชยองที่นั่งมองผมแต่งตัวถามขึ้น


“อืมขอโทษค้างไม่ได้น่ะ” ผมบอกเธอพลางเดินไปจูบลงที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาเมื่อเห็นสายตาผิดหวังนั้น ผมมันขี้สงสารโดยเฉพาะกับสาวๆด้วยสิ สองแขนก็รั้งร่างเปลือยเปล่าสมส่วนมากอดไว้หลวมๆอย่างเอาใจ

“แชยองไม่เอาคนสวย คุณก็รู้นี่ว่าผมมีความจำเป็นจริงๆ” ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ้อนๆซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อดวงตาของเธอปรากฏประกายสดใสขึ้นมาอีกครั้ง


“ก็ได้ค่ะ แชยองเข้าใจแล้ว” เธอกอดตอบ “แต่คุณจียงต้องมารับแชยองไปเรียนพรุ่งนี้นะคะ” แชยองเรียกร้องซึ่งผมก็พยักหน้าตกลงทันทีเมื่อร่ำลาเป็นที่เรียบร้อยผมก็โบกแท็กซี่กลับมาที่ตระกูลยางซึ่งเป็นเวลาเกือบตีสามเข้าไปแล้ว ดีนะที่พรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนบ่ายไม่งั้นอาจต้องขาดเรียนแน่ๆ ผมจ่ายเงินให้โชเฟอร์เสร็จก็เดินตามทางลาดชันไปด้านหลังของบ้านตระกูลยางไม่รีบร้อนเท่าไหร่เมื่อมองไกลเห็นเงาตะคุ่มของคนที่มารอเปิดประตูก็ทำให้ผมลดมือถือที่กำลังจะโทรไปเรียกแดซองลงสองเท้าก็เร่งเดินขึ้นไปตามทางลาดจนเห็นชัดแล้วว่าคนที่รอคือใคร!!


“นายกลับดึกจังนะ!!” น้ำเสียงห้าวที่บ่งบอกความไม่พอใจของคนรอทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีทั้งที่อารมณ์ดีมาแล้วเชียว


“แดซองต้องมาเปิดประตูไม่ใช่เหรอ แล้วนายลงมารอทำไม!!” ผมเสียงแข็งใส่ชเว ซึงฮยอนทันที ผมเองก็เป็นไม่ยอมคนเหมือนกันนะครับ ซึงฮยอนยืดกายขึ้นเต็มความสูงเบี่ยงร่างให้ผมเดินผ่านเข้าข้างใน ไม่รอช้าเหมือนกันผมก็จ้ำอ้าวตรงไปที่ห้องของตัวเองในฝั่งตะวันออกทันที แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินเข้าห้องส่วนตัวไปอย่างที่ต้องการแขนข้างหนึ่งก็ถูกกระชากอย่างแรงจนร่างกายของผมต้องผวาไปตามแรงดึง


“อุ๊บ!! นายทำอะไรวะ” ผมโมโหใส่ซึงฮยอนที่บีบแขนผมซะแน่น มันเจ็บนะโว้ยผมอยากตะโกนใส่หน้าหมอนี่นักแต่ใบหน้าบูดสนิทของหมอนั่นทำเอาผมหุบปากลงทันที ริมฝีปากบางของหมอนั่นเม้มแน่นสองตาส่งประกายกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็น ผมเองก็ไม่เคยเห็นเจ้าซึงฮยอนเป็นแบบนี้มาก่อนแอบหวาดๆ เหมือนกันครับ อยากถามว่าผมทำอะไรผิด!!


“นาย!!” ซึงฮยอนกัดฟันกรอดๆใส่ผมซึ่งยัง งง กลัวๆ ท่าทางของหมอนี่อยู่

“ไปนอนกับใครมา!!” คำถามหมอนี่ทำเอาผมปรี๊ดแตกทัน ผมกระชากแขนออกมาจนหลุดเป็นอิสระ ถอยห่างอย่างเตรียมพร้อมมีเรื่องเต็มที่


“มันเรื่องของฉันโว้ยนายไม่เกี่ยว” เสียงตะคอกของผมใส่อารมณ์ฉุนเต็มที่ “นายอย่ายุ่งเรื่องฉัน” ผมต่อว่าเสร็จก็หันหลังกลับเข้าห้องตัวเองทันทีไม่ทันที่ประตูจะปิดลงซึงฮยอนก็แทรกกายสูงใหญ่เข้ามาด้วยยิ่งทำเอาผมโมโหเข้าไปอีก


“นายจะเอาไงเนี่ย อยากมีเรื่องกับฉันนักรึไงหา!!” ผมหันกลับไปตะคอกใส่หน้าหมอนั่นทันที

“หุบปาก!!” ซึงฮยอนเขย่าร่างผมจนหัวแทบหลุดออกจากบ่า หมอนั่นผลักร่างผมที่ยังยืนไม่มั่นคงเพราะมึนจากการเขย่าเหมือนขวดยาลงไปที่เตียง

“.......”เงียบครับตอนนี้ผมว่าเจ้าซึงฮยอนโกรธได้น่ากลัวมากใบหน้าถมึงทึงบิดเบี้ยวเหยเก เมื่อผมเงียบนอนนิ่งบนเตียงอย่างที่หมอนั่นต้องการรอยแสยะยิ้มก็ปรากฏที่ริมฝีปากบางได้รูปสวยทันที


“หึ...นายคงชอบที่คู่นอนของนายทำให้สินะเธอทำดีรึเปล่า เอาใจนายสุดๆไปเลยใช่มะ” เสียงยียวนและคำพูดดูถูกเธอทำให้ผมโกรธไม่กลัวตายทีเดียวฮึดฮัดออกแรงผลักร่างใหญ่ของซึงฮยอนและมันไม่ได้ผลเลยซักนิดทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันทำไมเรี่ยวแรงผมถึงสู้หมอนี่ไม่ได้นะ แม้จะร่างกายสูงกว่า หนากว่าผมก็ตามที


“หุบปากไปเลยซึงฮยอนนายยุ่งเรื่องฉันมากไปแล้วรู้ไว้ซะ” ผมตะคอกใส่หน้าหมอนั่นเมื่อผลักร่างออกไปไม่ได้ มือของซึงฮยอนแทรกนิ้วกับมือที่หงายอยู่ข้างของผมตัวหมอนั่นประสานมือผมเอาไว้แน่นร่างกายใหญ่โตทาบทับแนบไปทุกส่วนของร่างกายจนผมอดหวั่นใจนิดๆไม่ได้ครับ ไม่รู้หมอนี่จะมาไม้ไหนกันแน่ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรจู่ๆก็มาหาเรื่องผมสงสัยคงอยากมีเรื่องเต็มแก่หลังจากที่เขม่นกันมานาน(คิดเองคนเดียว)


“คงงั้นแหละ ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอเด็ดมั้ยเผื่อจะได้ขอใช้บริการบ้าง...”


ปึ้ก!!! ไม่ให้พูดจบผมโขกหน้าผากกับเจ้าซึงฮยอนเสียงดังเจ็บครับแต่สะใจที่หมอนั่นมึนไปเหมือนกัน ผมใช่ว่าจะสู้ไม่ได้ซักหน่อยอย่างน้อยก็ทำให้หมอนั่นเจ็บตัวได้แหละน่า ใบหน้าเหยเกของซึงฮยอนเรียกร้อยยิ้มของผมออกมาได้ดีทีเดียว


“นาย!! หึอย่ามาสำนึกทีหลังละกัน” น้ำเสียงเครียดขึงของซึงฮยอนทำเอาผมที่กำลังยิ้มร่า หน้าซีดลงหมอนี่มันเอาจริงแล้วสิครับ


“นายจะทำอะไร!!” ความกลัวแปลกๆผุดขึ้นมาในลางสังหรณ์ทันที เพราะรอยยิ้มวาววับที่ผมมักใช้กับสาวๆ ตอนนี้มันไปปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อของหมอนี่แทน


“นายออกไปจากห้องฉันดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยคุย” ผมหาทางไล่หมอนั่นเพื่อเอาตัวรอดหวังว่าซึงฮยอนจะยอมฟังบ้าง เปล่าเลยหมอนั่นนอกจากไม่ฟังยังก้มหน้าลงมาซะใกล้จนแทบจะเห็นรูขุมขน ไม่สิหมอนี่มันหน้าใสจนไม่เห็นริ้วรอยเลยต่างหาก!!


“อะไรกัน....ก็ฉันอยากรู้” ซึงฮยอนยิ้มยั่วให้ผม “ว่าระหว่างเธอที่นายไปหามาวันนี้กับฉัน...” คราวนี้ปลายจมูกโด่งของซึงฮยอนกดลงที่ข้างแก้มแล้วครับ ขนที่นอนนิ่งของผมลุกเกรียวทั้งตัว “ใครจะทำให้นายครางได้มากกว่ากัน!!” พูดเสร็จซึงฮยอนก็ซุกไซร้ปลายจมูกไปตามใบหน้าและซอกคอของผม ลมหายใจอุ่นๆของหมอนั่นรินรดทุกๆที่ ที่หมอลากริมฝีปากและปลายจมูกผ่านไปตามผิวกายที่ตื่นตัวเต็มที่


“ไม่นะ” ผมครางอย่างหวาดกลัว “นายล้อเล่นใช่มั้ย!!” ผมที่ได้สติออกแรงดิ้นและผลักร่างใหญ่โตของซึงฮยอนที่ทาบทับอยู่ด้านบนออกไปให้พ้นซึ่งมันไม่ได้ผลเลยซักนิด ซึงฮยอนรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ในมือเดียวอย่างไม่ยากเย็น มือที่ว่างของหมอนั่นกำลังล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีเข้มของผม ความรู้สึกเหมือนโดนใครเอาไม้ฟาดหัวจนมึนงงทำเอาลืมขัดขืนซึงฮยอนยิ่งทำให้หมอนี่ได้ใจเลิกชายเสื้อผมขึ้นสูงจนเผยแผ่นอกเปลือยเปล่าที่เริ่มแดงเพราะการลูบไล้หนักมือของซึงฮยอน

“ฉันผู้ชายนะเว้ย” เมื่อแรงสู้ไม่ได้ผมก็ใช้เสียงเข้าสู้ ดวงตาหวั่นสั่นระริกกลัวว่าซึงฮยอนจะเอาจริงขึ้นมาครับ อย่าเลยนะซึงฮยอน


“นายล้อเล่นแรงไปแล้วนะ!!” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้ซึงฮยอนหายโมโห ซึ่งไม่รู้จะมาโมโหผมเรื่องอะไรยังงงอยู่นะเนี่ย


“หึ นายไร้เดียงสาหรือแกล้งไม่รู้กันแน่จี ฉันไม่ได้ล้อเล่น!!” รอยยิ้มเย็นของซึงฮยอนทำเสียงผมหายกลับเข้าไปในลำคอ พยายามกลืนน้ำก้อนเหนียวๆอย่างลำบาก


“ไม่นะ!!” ผมเบี่ยงใบหน้าหนีจูบของหมอนั่นที่ตะโบมลงบนผิวกายที่เปิดเปลือย นี่หากเป็นผู้หญิงทำให้จะไม่ขัดเลย แต่นายเป็นผู้ชายนะโว้ย ชเว ซึงฮยอน!!!

“ฮึกก!....” เสียงที่ลอดจากริมฝีปากที่พยายามเม้มกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างที่หมอนั่นปรามาสไว้ในตอนแรก ใช่ครับผมหมดแรงด่าหมอนี่แล้วยิ่งด่าหมอนี่ยิ่งทำกับผมเหมือนผู้หญิง!!

มือซึงฮยอนที่ละจากยอดอกที่แข็งเครียดของผมลูบเรื่อยลงไปถึงหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อพองามเพราะเข้ายิมอย่างสม่ำเสมอ มันต่ำลงจนผมอดปากเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว


“น นายจะบ้าเหรอไง ฉันเป็นตัวผู้เหมือนนายนะ ดูดีๆ สิ!!” ผมยังพยายามเตือนสติทั้งๆที่สติสตังของผมกำลังจะเลือนๆไปเพราะฝีมือของหมอนี่อยู่รอมร่อแล้ว ชักเชื่อแฮะว่าหมอนี่มันอาจจะเป็นเพลบอยเงียบอย่างสมาชิกคนอื่นๆในบ้านว่าก็เป็นได้!!

▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น