Baby dont cry

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

BigBang: We belong together...[Dong YoungBae]



BigBang: We belong together...[Dong YoungBae]


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫


Dong Young Bae : ผมหันกลับไปมองหน้าพี่ซึงฮยอนอีกรอบเมื่อได้ฟังที่พี่เขาพูดจบ พี่ซึงฮยอนที่มีรอยช้ำๆที่มุมปาก สีกำลังสวยพอดีกับที่พี่แกซดแกงเข้าไป...


“ซี้ดดด!!” พี่ซึงฮยอนพึมพำๆ บ่นเรื่องอาการเจ็บปวดตามมาอีก เรื่องนั้นผมไม่สงสัยครับของมันต้องเจ็บก็ม่วงซะขนาดนั้น


“พี่พูดใหม่อีกทีซิครับ...” ผมถามย้ำพี่แกเงยหน้าขึ้นมองประมาณว่า เหนื่อยใจจะพูดแล้วนะ “พี่ผมขออีกรอบ!” ผมวางช้อนตักแกงตั้งอกใจตั้งใจฟังแล้วคราวนี้แต่ขอรีเพลอีกรอบแล้วกัน


“จะไปญี่ปุ่น!!” ดีครับ...ไม่มีคำนำ ไม่มีอารัมพบทพี่ซึงฮยอนบอกว่าจะไปญี่ปุ่น ผมจะรู้มั้ยเนี่ยว่าพี่แกจะไปทำไม ช่างเป็นคนที่สาธยายได้เข้าใจความหมายมากเลยนะครับพี่


“โธ่...พี่ซึงฮยอนครับเอาดีๆ ดิ” ผมละเหนื่อยใจกับพี่ชายคนนี้จริงๆ “เอาแบบละเอียดๆ อ่ะได้มั้ย”


“ไปเรียน” ขอบคุณ...ละเอียดมากผมไม่อยากถามอีกแล้วหันมาหยิบช้อนตักแกงมาซดมั้งดีกว่าเบื่อพี่ซึงฮยอน เหอะ! ถ้าไม่อยากอธิบายจะมาบอกให้ฟังทำไมตั้งแต่ทีแรกฟะ


“อ้าว...ไม่อยากรู้ต่อแล้วเหรอ กำลังสนุก!” พี่ซึงฮยอนสนอกสนใจขึ้นมาเชียวพออย่างนี้เนี่ย ผมแกล้งส่ายศีรษะก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองต่อ


“ฟังหน่อยสิ จะบอกแล้วๆ” ผมเงยหน้ามองพี่ซึงฮยอนเซ็งๆ


“อ่ะ ว่ามาสิ!”


“คือว่า....” พี่ซึงฮยอนอ้ำอึ้ง ผมก็เผลอตั้งใจฟังว่าพี่แกจะพูดอะไรต่อ


“คือแบบว่า....” พี่ซึงฮยอนทำหน้าพยายามนึก


“คือ..”


“พอแล้วพี่ผมไม่อยากฟัง!!!” ผมตัดจบประโยคของพี่ซึงฮยอน สงสัยวันนี้วิญญาณบ้าเข้าสิงเที่ยวแกล้งอำคนอื่นไปทั่ว นึกสงสัยอยู่ว่าแต่ตั้งเช้าๆ แล้วทำไมวันนี้อารมณ์ดี แล้วสีที่ปากนี่เกี่ยวกับภาวะอารมณ์ของพี่ซึงฮยอนด้วยรึเปล่าเนี่ย อันนี้ก็อยากรู้


“โอ๋ๆ ยองแบ” พี่ซึงฮยอนเอามือเท่าใบลานมาโบกง้อผมเหมือนเด็กๆช่างไม่สมดูวัย ผมปัดมือข้างนั้นหนีอย่างรำคาญอะไรกันนักนะ ทีเมื่อกี้ล่ะไม่ยอมบอก ชิส์ คราวหลังไม่เล่าเรื่องเปิ่นๆของจียงให้ฟังเลยนิ


“นายอย่าขี้งอนสิ โตเป็น....แล้วนะ” เอ๊ะ! ที่เว้นไว้หมายความว่าไงครับพี่ผมไม่อยากเดา ผมมองตาขวางพี่ซึงฮยอนหัวเราะงอหาย เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ


“นะๆ เดี๋ยวจะบอกแล้วเนี่ย จริงๆ” พี่ซึงฮยอนย้ำ แล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะผมเล่นพอจะปัดมือออกเสียงตะคอกก็ดังลั่น


“พี่ซึงฮยอนนนน!!!” ซึงฮยอนน้อยนั่นเองเห็นแล้วจะตะโกนทำซากอะไรครับที่รัก น้องน้อยใช้ตากลมโตเบิกกว้างมองพี่ซึงฮยอนเขม็ง ริมฝีปากแดงระเรื่อเม้มแน่น ริมฝีปาก!...เดียวกันกับที่ผมได้สัมผัสไปเมื่อคืนนี้


ตุ้บๆ ตุ้บๆ


แค่คิดใจก็จะกระดอนออกมาเต้นอาร์แอนด์บีข้างนอกแล้วครับ เด็กอะไรไม่รู้น่ารักน่าชังจริงๆ ผมกลืนข้าวไม่ลงเป็นปลื้มบวกตื่นเต้นแปลกๆ ยิ่งเห็นใบหน้าใสกระเง้ากระงอดใส่พี่ซึงฮยอนแล้ว โอยย แทบละลาย พอแล้วน้องเล็กพี่ทำใจไม่ได้!


“อะไรของนายเสียงดังไปแล้ว” พี่ซึงฮยอนหันกลับไปทำเสียงเข้มใส่ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังปัญญาอ่อนกับผมอยู่เลยเปลี่ยนอารมณ์อย่างไวอ่ะ


“อ่า...พี่ซึงฮยอนอย่าจับดิ เนี่ยๆ ของผมนะ” เอ๋อ...ปลายนิ้วที่ชี้มาทางผมของซึงฮยอนน้อยหมายความว่าไงเนี่ย ‘ของผม’ งั้นเหรอหมายถึงตัวผมใช่มั้ยครับ ช็อคๆ


“ห๊ะ!! นี่อ่ะเหรอ”พี่ซึงฮยอนชี้มาทางผมบ้าง เฮ้ยคนนะอย่าจิ้มแบบนี้ดิ ผมปัดมือพี่ซึงฮยอนออกจากใบหน้าตัวเอง


“เล่นไรกันเนี่ย” ทั้งที่หน้าร้อนผ่าว แต่ผมกลับพูดใส่ทั้งสองคนเสียงแข็ง ซึงฮยอนเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ แทบจะเกยมานั่งตักเข้าแล้ว


ตุ้บๆ ตุ้บๆ


เสียงหัวใจไม่รักดีก็เต้นต้อนรับซึงฮยอนที่ยื่นศีรษะมาพิงที่ไหล่ ปากแดงยื่นๆอย่างน่ารักใส่พี่ซึงฮยอน พอแล้วครับซึงฮยอนน้อยของพี่ พี่ยองแบจะหัวใจวายย


“ก็ใช่นะสิ พี่ยองแบเป็นของผมแล้วนะ” ซึงฮยอนน้อยพูดเสียงดังฟังชัดมากผมเงียบพี่ซึงฮยอนนิ่งค้างในท่าที่กำลังจะยกซด


เคร้ง!!!!


ผมทำช้อนตักแกงร่วงลงในชามข้าว ซึงฮยอนน้อยนายพูดอะไรออกไป พี่จำไม่ได้ว่าไปเป็นของนายตั้งแต่ตอนไหน หรือนายจะลักหลับพี่!!!


“เฮ้ยยย พูดอะไรเนี่ย” ผมรีบผลักหัวน้องน้อยออกไปจากไหล่ตัวเองเพราะความตกใจ ซึงฮยอนน้อยทำหน้าย่นใส่ผม

“ล้อเล่นอะไรบ้าๆ” ผมเตรียมจะลุกหนีวงสนทนาที่กระอักกระอ่วนใจแบบนี้ พี่ซึงฮยอนจ้องเขม็งสลับไปมาระหว่างใบหน้าของผมกับใบหน้าของซึงฮยอนน้อย อย่าจ้องแบบนั้นครับพี่ไม่มีอะไรจริ๊งๆ ผมสั่นศีรษะทันทีเมื่อโดนสายตาคาดคั้นจับผิดจากพี่ใหญ่ซึงฮยอน


“พี่ยองแบจะไม่รับผิดชอบเหรอ ก็ที่เมื่อคืนเรา อุ๊บ!!!” ผมรีบเอามือตะปบลงบนปากนุ่มๆนั้นทันที


“มะไม่มีอะไรครับ แหะๆ” ผมหันไปบอกพี่ซึงฮยอนที่มองตามผมตาขวาง ผมเปล่าล่อลวงเด็กนะครับ


“อึก อือๆ” ซึงฮยอนน้อยพยายามแกะมือผมออก ผมไม่รอให้พี่ซึงฮยอนซักฟอกที่นี่หรอกครับจัดการลากน้องเล็กออกไปข้างนอกทันที ซึงฮยอนที่ดิ้นๆอยู่ก็หยุดดิ้นไปดื้อๆ ผมเลยปล่อยมือ


“ทำไมไปพูดเล่นแบบนั้น” ผมหันไปดุน้องน้อยที่หน้าบูดทำปากยื่นน่ารักๆใส่ผม หมั่นใส้เลยดึงเล่นซะเลย นิ่มจัง


“โอ๊ย!! พี่ยองแบเจ็บนะฮะ” ซึงฮยอนน้อยโวยวาย ความนุ่มยังติดอยู่ที่มือของผมอยู่เลย นี่แค่โดนที่มือนะ ถ้าเป็นปากกับปากละก็....


“อะ ขะขอโทษทีแรงไปหน่อย...แต่คราวหน้าอย่าไปพูดเล่นแบบนี้อีกนะ เข้าใจมั้ย!” ผมหันไปสั่งสอนต่อซ่อนอาการเขินด้ยการตีหน้าขรึม


“ไม่ได้พูดเล่นซักหน่อย ก็เมื่อคืนอ่ะเรายังจูบกันอยู่เลย” เฮ้ย!! ซึงฮยอนพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ผมนี่อายหน้าร้อนไปหมดแล้ว


“ผมจูบพี่ยองแบแล้วพี่ต้องเป็นของผมคนเดียวด้วย” ซึงฮยอนพูดประโยคช็อคโลกให้ผมอีกประโยค


“ซึฮยอนฟังพี่” ผมตั้งสติสองมือเอื้อมไปคว้าจับไหล่ของซึงฮยอนเอาไว้แน่นๆ บีบเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นเตือนให้น้องเล็กตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมจะพูด


“การจะที่เราจะเป็นของกันและกันได้น่ะมั้นต้อง...”ผมสูดเอาอากาศเฮือกใหญ่เข้าปอด “มันต้อง...แบบว่า...เอ่อ...” เริ่มคิดหาคำพูดมาอธิบายแบบไม่โจ่งแจ้งอีโรติกเดี๋ยวจะโดนแบนเอาง่ายๆ “ยังไงดีล่ะ...แบบว่า”ผมยังนึกไม่ออก


“ง่า...พี่ยองแบจะพูดไรเนี่ย ผมฟังไม่เห็นเข้าใจซักนิด” ซึงฮยอนน้อยขมวดคิ้ว “ก็เพื่อนที่โรงเรียนเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานจูบกับแฟน อีกไม่นานแฟนเค้าก็ต้องเป็นของเค้าคนเดียว!!” ซึงฮยอนอธิบาย เฮ้อ...นายไปฟังเพื่อนคนไหนมาฟระ


“ผมรู้ๆ พี่ยองแบจะบอกว่าเราต้องทำเหมือนที่พี่ซึงฮยอนทำกับพี่จียงใช่มะ อันนั้นมันอยู่ในขั้นซีไม่ใช่เหรอ??” ซึงฮยอนพูดออกมาผมงี้ลืมไอ้ที่คิดจะพูดไปหมด


“ขะขั้นซี นายไปจำจากที่ไหนมาเนี่ย!!!”


“ก็เพื่อนไงบอกว่า จูบก็คือขั้นเอใช่มะจากนั้น สัมผัสร่างกายก็คือขั้นบี ส่วนขั้นซีคือ...อุ๊บ” ผมรีบเอามือปิดปากซึงฮยอนน้อยเอาไว้ก่อน ไม่ไหวครับเด็กสมัยนี้ทำเอาผมใจจะวายวันๆ คุยแต่เรื่องพวกนี้กันเหรอที่โรงเรียนเนี่ย


“อะเอาเถอะ” ผมถอนใจอีก “อย่าเอาไปพูดอีกก็แล้วกัน” ซึงฮยอนมองผมแบบไม่เข้าใจ เอียงหน้าใสกิ๊งในมุมสี่สิบห้าองศา พองแก้มเข้าไปพอประมาณ ปากแดงๆยื่นออกมาจน....ใจผมจะวายยย น่ารักมากมาย มือที่บีบแน่นที่ไหล่ก็กลายเป็นลูบไล้เบาๆแทน มะมันเอ่อ เกินจะห้ามใจคนอะไรไม่รู้น่ารัก


“ก็พี่เป็นของผมจริงนี่ฮะ” แน่ะๆ ยังไม่เลิกพูดเดี๋ยวทำให้เป็นจริงๆซะนี่ แต่ซึงฮยอนน้อยนะที่จะเป็นของพี่ผมนึกต่อในใจ มือก็เริ่มเลื่อยไปที่ใบหน้าเนียนใส แอบยิกแก้มนิ่มๆแถมด้วยการไล้ปลายนิ้วเบาที่ริมฝีปาก สวรรค์อยากแปลงร่างครับผม อารมณ์แบบหวิวๆ ลอยๆ ชอบกล


“ทำไมนายอยากเป็นของพี่เหรอ” ผมกลั้นใจถามออกไป ใจลุ้นระทึกจ้องตากลมโตของซึงฮยอนน้อยนิ่ง


“ไม่ใช่...พี่ตากห่างที่เป็นของผมแล้วนะฮะ” เฮ้อ...ยังไม่เลิก สงสัยว่าซึงฮยอนไม่ได้เข้าใจจริงๆ เหอๆ ผมลดมือลง


“อืม...พี่เป็นของนายคนเดียว นายด้วยนะ” ผมบอกซึงฮยอนซึ่งยิ้มแก้มปริอยู่ตรงหน้า


“ดีครับๆ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ทำพี่เหมือนกับที่พี่ซึงฮยอนทำพี่จียงมั่งอ่ะ” ซึงฮยอนถามคำถามที่ทำให้ผมอึ้งไปนาน แววตาระยิบระยับ วับวาว แบบแปลกๆ นั่นทำเอาใจผมสั่นไหว


“ทะทำยังไง...” ผมแกล้งถาม


“ก็.......................................” ซึงฮยอนน้อยเล่าเป็นฉากๆ เลือดลมพลุ้งพล่าน พาลหน้ามืดตาลาย ซึงฮยอนอยากให้ผมเป็นเคะ!!! ผมฟังไปส่ายหัวไปลูกเดียว นึกในใจว่าไม่ได้ๆ


“ซึงฮยอนฟังพี่...” ผมยกมือขึ้นจับไหล่คนตรงหน้าอีก พยายามทำหน้าจริงจัง


“นายเป็นเมะไม่ได้หรอกนะ” ผมเอ่ยเสียงเข้มใส่


“ทำไมอ่า.............” ซึงฮยอนออกอาการโวยวายเล็กน้อย สองคิ้วขมวดยื่นปากใส่ผม


“เพราะ.....นายอายุน้อยกว่าน่ะสิ” ผมตอบแบบเอาสีข้างเข้าถู อยากร้องไห้แต่คงไม่มีคำตอบที่ดีกว่านี้แล้ว”คนที่เป็นเมะได้ต้องแก่กว่าเท่านั้น ส่วนคนอายุน้อยกว่าต้องเป็นเคะ”ซึงฮยอนนิ่งคิด


“นั่นสินะ...” ซึงฮยอนทำท่าว่าเริ่มเข้าใจสิ่งที่ผมบอก (แกหลอกน้องเค้ายองแบ : บุ๋มบิ๋ม) แล้วทำหน้าเครียดเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่


“เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้น” คำพูดที่เหมือนปลงตกของน้องน้อยทำเอาผมโล่งใจสุดๆ แอบยิ้มไว้ที่มุมปาก


“ผมคงเป็นของพี่ยองแบไม่ได้แล้วล่ะครับ” ซึงฮยอนช็อคผมอีกรอบ


“หา.....นายว่าไงนะ” ผมตะโกนใส่อย่างลืมตัว “ทำไมเป็นงั้นล่ะ เมื่อกี้นายยังอยากเป็นของพี่คนเดียวอยู่เลย” ผมโวยวายใส่น้องเล็ก


“ก็พี่ยองแบอ่ะ...อายุมากกว่าผมน่ะสิ” ผมเริ่มมองเห็นอะไรลางๆ ซึงฮยอนทำสีหน้าจริงจังมากๆ


“ขอโทษนะครับพี่ยองแบ...ที่ผมรับผิดชอบพี่ยองแบไม่ได้แล้ว” ซึงฮยอนก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ผมมองอึ้งๆ นี่น้องเล็กกำลังคิดเพี้ยนๆ อะไรอีก


“ผมไม่อยากเป็นเคะ จะให้พี่ยองแบเป็นเคะก็ดันแก่กว่าอีก...เฮ้อเราคงเป็นของกันและกันไม่ได้แล้วครับฮยอง” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงเศร้า


“นะนาย...ซึงฮยอน...” น้องเล็กกดปลายนิ้วปิดปากผมสะกัดคำพูดเอาไว้ ส่านศีรษะน้อยๆ ดวงตาฉายแววเศร้า


“ผมควรจะห้ามใจตัวเองเมื่อคืน...ผมไม่ควรทำแบบนั้น(จูบ)กับพี่ ผมขอโทษครับพี่ยองแบ...” ซึงฮยอนพูดเสร็จก็เดินกลับเข้าไปด้านใน ผมที่ยืนอยู่ที่ประตูหลังได้แต่ยืนแน่นิ่งทบทวนความจำอยู่ลำพัง


ซวย...นี่เราพูดอะไรออกไปวะ!!!!


ผมหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วโขกศีรษะโป๊กๆ เหมือนคนบ้า เพราะความโง่ของตัวเองแท้ๆ เชียว...


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

Special Thank For ASHURA…

Special Thank For ASHURA…ตามคำขอข้างล่างอ่ะค่ะ ลงให้แล้วนะก่อนไปเรียนอ่านแล้วก็ตั้งใจเรียนนะคะจาก Lunazia (บุ๋มบิ๋ม)

ผมขอรีเควสคู่ท็อปกับจียงครับ!!
ตามใจคนแต่งเลยครับ แต่ขอเน้นคู่นี้แบบสุดๆไปเลย แบบว่าแอบชอบคาแร็กเตอร์หื่นเงียบของท็อปที่พี่เขียน จียงก็น่ารัก สรุปว่าชอบครับ!!


¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤ « ТЕΜ ♥ Ġ » ¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤



ก่อนการคัดเลือกทายาทคุณยาง ฮันซอกหนึ่งปี.....



ชเว ซึงฮยอนเบนหน้าหนีภาพที่แสนน่าเบื่อตรงหน้า งานเลี้ยง วงสนทนาซุบซิบนินทา ที่เต็มไปด้วยบรรดาผู้มีอันจะกินทั้งหลาย เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในนั้นตั้งแต่เด็ก เขาไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆหรือ ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองแล้วยกไวน์ขึ้นจิบไปพลาง จนรู้สึกถึงมือเย็นเฉียบที่แตะสัมผัสข้อมือของเขานั่นแหละจึงได้หันกลับเข้ามาในงานเลี้ยง หญิงสาวแรกรุ่นหน้าตาน่ารักกำลังยิ้มแย้มเชิญชวนเข้าอย่างเปิดเผย ร่างบอบบางในชุดผ้ามันพลิ้วทิ้งตัวแนบไปกับเรือนร่างอวบอิ่ม


“มีอะไร!” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงขรึม สายตาไม่ยอมจับจ้องวงหน้าที่พลันสลดลงอย่างน่าสงสาร เขารู้ว่าเธอแกล้งเข้มแข็งทั้งที่มือที่กำลังสั่นไม่ได้เข้ากับรอยยิ้มยั่วยวนเลยสักนิด


“คุณชเวกรุณาออกไปเต้นรำกับฉันสักเพลงนะคะ...” เสียงหวานสั่นสะท้านเหมือนจะขาดเป็นห้วงๆ เอ่ยวอนขอเขาที่เฉยชาต่อเธอ


“...เธอ...ชื่ออะไร” ซึงอยอนยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเอ่ยถามออกไป ปฏิกิริยาของเธอที่ยินดีจนออกนอกหน้านั้นอยู่ในความคาดคิดของเขาอยู่แล้ว เพราะ...เธอก็เหมือนๆกับคนอื่นๆ ที่เขามาหาเขานั่นแหละ เพราะรูปร่างหน้าตา และตระกูลชาติทหารที่สืบต่อกันมาหลายรุ่นเขาซึ่งเป็นทายาทกลับเป็นที่สนใจของสาวหลายๆ คนเสมอ แต่สำหรับเขามันน่าเบื่อพอๆกับงานเลี้ยงที่ต้องโดนบังคับให้มาด้วย


“.............ค่ะ” ซึงฮยอนไม่ได้สนใจฟังชื่อของเธอเพราะมัวแต่เรียกบริกรให้มาเปลี่ยนแก้วในมือ หญิงสาวเม้มปากอย่างรอคอย ซึงฮยอนยกแก้วใหม่ขึ้นจิบพลางเหลือบตาไปรอบๆฟลอที่บัดนี้เต็มไปด้วยคู่หนุ่มสาวหลายคู่เต้นรำสนุกสนาน ที่มุมห้องเขาเหลือบเห็นสายตาหญิงสาวอีกหลายคนจับจ้องอยู่


“นั่นเพื่อนเธอหรือเปล่า...” ซึงฮยอนเอ่ยถามหญิงสาวที่สะดุ้งเฮือกเหมือนโดนจับได้ว่ากระทำความผิดร้ายแรง ร่างบางที่ยืนนิ่งข้างๆ สั่นเทิ้มเหมือนจะเป็นลมแต่เขาไม่ได้ใส่ใจซักนิด


“อะ...เอ่อ...ใช่ค่ะ” เสียงกระท่อนกระแท่นยอมรับแผ่วเบา ใบหน้าก้มงุดลงมือบิดไปมาอย่างร้อนรน


“พนันด้วยรึเปล่า!” ซึงฮยอนเอ่ยถามสิ่งที่คาดเดาไว้แต่แรก ไม่ใช่เรื่องที่สาวๆ จะพนันการได้เต้นรำกับเขาในงานเลี้ยงแบบนี้ เพราะพวกเธอไม่เคยได้รับการตอบสนองไม่ว่าใครก็ตาม


“ฉะ...ฉัน...ไม่” เธอพยายามส่ายหน้าปฏิเสธแต่มันกลับเปิดเผยว่าเธอโกหก ซึงฮยอนเกลียดผู้หญิงประเภทนี้ที่สุด เขาถอนใจยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกลงไปจนหมด


“เท่าไหร่!!!” เสียงเข้มตวาดเบาๆ กรามถูกบดจนนูน


“ฮือๆ ขะขอโทษค่ะ ฉะฉันไม่...”


“อย่าร้องไห้...ฉันทำอะไรเธอรึไง” ซึงฮยอนเอ่ยเยาะหญิงสาวที่ก้มลงเช็ดน้ำตาอย่างขลาดกลัว “เธอพนันฉันไว้เท่าไหร่?” ซึงฮยอนถามย้ำอีกครั้ง



“หนึ่งล้านวอนค่ะ” เสียงหวานสั่นตอบคำถามแล้วนิ่งเงียบไป ไม่กล้าเงยมองหน้าชายที่เธอหลงไหล


“อืมม...ก็พอใช้ได้” ซึงฮยอนแสยะยิ้มพอใจและสมเพชตัวเองที่กลายเป็นหัวข้อการพนันของสาวชั้นสูงพวกนี้ไปแล้ว


“คุณชเวช่วยฉันสักครั้งนะคะ พวกนั้นต้องรอสมน้ำหน้าอยู่แน่ นะคะ” หญิงสาวส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาอีกครั้งปราศจากรอยยิ้มยั่วยวนเช่นคราวแรก เขาซึ่งกำลังเบื่อหน่ายพอดีคงได้แต่หาเรื่องสนุกๆทำชั่วคราว


“ก็ได้...แต่เธอต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเหมือนกัน” ซึงฮยอนพูดเสร็จก็คว้าข้อมือบางตามออกมาที่ฟลอ โอบแขนรอบเอวบางพาทั้งคู่เคลื่อนไหวไปรอบๆ ฟลอพร้อมกับคู่อื่นๆ


ตุบ!!!


“อ้ะ!! ขอโทษครับ” เสียงเล็กๆของใครบางคนเอ่ยจากด้านหลังที่โดนประทะเมื่อครู่ ซึงฮยอนหันหน้าไปหวังจะอาละวาดให้เต็มที่แต่ต้องชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้านั้นเต็มตา ใบหน้าใสตัดด้วยคิ้วเข้มพาดเฉียงๆ รับกับดวงตาเรียวเหมือนเม็ดอัลมอนด์ จมูกโด่งเชิดรั้นอย่างคนดื้อดึง จนถึงริมฝีปากแดงระเรื่อ


“อ้าว...มินอา” เสียงใสเอ่ยปลุกเขาตื่นขึ้นจากภาพตรงหน้า เป็นหญิงสาวที่เป็นคู่เต้นให้กับคู่กรณีของเขานั่นเอง เธอมีใบหน้าเรียวเล็กคล้ายกับคนตรงหน้าเขาอย่างประหลาด


“อะอือ...เธอก็มาด้วยเหรอ” คนข้างกายซึงฮยอนเอ่ยทักทายอีกฝ่ายออกไป


“มาสิ พอดีวันนี้พาน้องชายมาเปิดตัวน่ะ” หญิงสาวเอ่ยยิ้มแย้ม แล้วหันไปยักคิ้วให้คู่กรณีของเขา


“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มก้มศีรษะพลางเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขินแต่รอยยิ้มหวานกลับกระชากวิญญาณของซึงฮยอนติดตามไปอยู่ข้างกาย


“สวัสดีค่ะ”


“สวัสดี....ผมชเว ซึงฮยอน” ซึงฮยอนตัดหน้าแนะนำตัวเองก่อนสายตาจ้องแน่วแน่ไม่ยอมเหลือบมองสองสาวที่เหลือ


“อ้อสวัสดีค่ะ...ฉัน........ส่วนนี่ลูกพี่ลูกน้องควอน จียงค่ะ” หญิงสาวอีกคนกลับเป็นฝ่ายแนะนำขึ้น


ควอน จียง!!


ซึงฮยอนเรียกชื่อนั้นซ้ำๆ ในใจจับจ้องใบหน้าน่ารักนิ่งปล่อยให้สองสาวพูดคุยกัยไปอีกซักพักใหญ่ ฝ่ายนั้นจึงขอตัวแยกไปอีกทางหนึ่ง ซึงฮยอนละสายตากลับมาที่หญิงสาวข้างกายอีกครั้ง


“เธอ...มินอาใช่มั้ย” ซึงฮยอนเอ่ยกับเธอที่ยิ้มให้อย่างยินดีที่เขาเป็นฝ่ายเรียกชื่อเธอออกมาอย่างสนิทสนม


“คะ...ค่ะ” รอยยิ้มสดใสประดับใบหน้าน่ารักส่งสายตาหวานให้เขา


“ข้อแลกเปลี่ยนก็คือ....” ซึงฮยอนเอ่ยความต้องการออกมาทั้งหมดไม่สนใจใบหน้าที่ซีดสลดของคนตรงหน้า สิ่งที่เขาสนใจคือ....ควอน จียง!!



หนึ่งปีต่อมา...


ซึงฮยอนกำลังเผชิญหน้ากับคุณยาง ฮันซอกเพื่อนสนิทของพ่อตามลำพังรอคอยคำตอบในข้อเสนอของเขาอย่างอดทน ใบหน้าเข้มเรียบเฉยปล่อยให้เพื่อนของพ่อตัดสินใจ


“นายจะเอาแบบนี้แน่เหรอ ฉันไม่อยากมีปัญหากับพ่อเธอนักหรอกนะ” คุณยางส่ายหน้าอ่อนใจ


“แน่ใจครับ...หรือคุณยางจะตกลงเรื่องนั้นผมสนับสนุนเต็มที่เหมือนกัน” ซึงฮยอนแสยะยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง ความนัยที่แฝงไปคุณยางย่อมรู้ดี


“นายนี่มัน....ฮึ้ย!! เดี๋ยวก็ไม่ช่วยเลยนี่” คุณยางหัวเสียกับหลานนอกใส้คนนี้ ซึงฮยอนยิ้มรับคำ แล้วยื่นกระดาษที่มีลายเซ็นต์ของเขาให้คุณยางรับมาแล้วเลือกกระดาษอีกแผ่นออกมาจากกองเอกสารที่เลือกเอาไว้แล้ว


จาง ฮยอนซึง!!


ชื่อเจ้าของกระดาษที่โดนคัดออกแทนที่ด้วยกระดาษของ ชเว ซึงฮยอน!!


“ขอบคุณครับที่กรุณา” ซึงฮยอนยิ้มชอบใจที่แผนการณ์สำเร็จ


“นายจะหลบนานแค่ไหน...”คุณยางถามคนที่ยิ้มระรื่นตรงหน้า


“ก็...ไม่รู้สิครับ จนกว่าจะพอใจมั้ง” ซึงฮยอนยักคิ้วไม่ใส่ใจ ต่างจากคุณยางที่ขมวดคิ้วหนักใจเพราะกลัวผิดใจกับเพื่อนรุ่นพี่ที่สุด


“ทางที่ดีนายไปขอโทษพ่อนายจะดีกว่านะ เล่นหนีเรียนทหารมาหลบที่บ้านฉันแบบนี้เดี๋ยวพ่อเธอก็มาหักคอฉันเท่านั้นเอง เฮ้อ!” คุณยางพูดร่ายให้คนตรงหน้าฟังเผื่อจะสำนึกขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลยซึงฮยอนแค่ยักไหล่แล้วกล่าวลาจากไป...ร่างสูงเดินเอื่อยเข้ามาในตัวบ้าน เด็กหนุ่มอายุน่าจะอ่อนกว่าเขาสองนั่งคุยกันก่อนหน้าเขาจะเดินเข้ามา จนกระทั่งเสียงฝีเท้าที่ดังสะท้อนก้องทำให้ทั้งสองคนหันมา


“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มท่าทางร่าเริงลุกขึ้นก้มหัวทักทาย ส่งรอยิ้มสดใสตามมาติดๆ ซึงฮยอนได้แต่พยักหน้าทักทายตอบ ส่วนอีกคนก้มหัวทักทายเขาพอเป็นพิธีเท่านั้น


“ผม ลี ซึงฮยอนครับพี่ก็ได้รับเลือกเหรอ” เด็กหนุ่มร่าเริงแนะนำตัวแล้วถามต่อ


“อือ...” ซึงฮยอนตอบสั้นๆ แล้วเดินไปหย่อนกายบนโชฟาที่ว่างอยู่ เขามองหน้าสองคนสลับไปมาจนใจที่จะต้องเอ่ยตามมารยาท


“อะแฮ่ม...ฉัน ชเว ซึงฮยอน” ซึงฮยอนพูดแค่นั้นก็เงียบไปเพราะไม่ต้องการต่อความไปมากกว่านี้ ทั้งสองคนเมื่อได้ฟังก็มองหน้ากันเลิ่กลัก ...ก็แค่ชื่อเหมือนกันแค่นั้นไม่เห็นน่าตื่นเต้นตรงไหน...


“ผมทง ยองแบครับ” อีกคนเอ่ยขึ้นบ้าง ซึงฮยอนมองตามแล้วพยักหน้าว่ารับรู้ทั้งสามเงียบไม่มีใครเอ่ยขึ้นก่อนใคร ทั้งที่ก่อนเขาจะเข้ามาทั้งสองยังคุยกันออกรส


“เฮ้อ...พวกนายเลือกห้องรึยัง” ซึงฮยอนเอ่ยถาม


“ยังเลยฮะ พอดีผมกับพี่ยองแบเพิ่งมาถึงเลยคุยกันก่อน กะว่ารอจนมาครบแล้วค่อยเลือกฮะ” เจ้าเด็กที่ชื่อเหมือนเขาตอบกลับมาเหมือนรอคอยโอกาสอยู่ก่อน ส่วนยองแบอะไรนั่นก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย


“แล้วนี่เหลือใครอีกล่ะ...” ซึงฮยอนถามลอยๆ


“ขอโทษทีๆพอดีไม่มีรถน่ะ” เสียงใสๆ ที่ซึงฮยอนกำลังรอคอยดังแทรกขึ้นก่อนจะมีใครตอบคำถามของเขาเมื่อครู่


“สวัสดีครับทุกคน..ผม ควอน จียงครับ” ซึงฮยอนปั้นหน้านิ่งขรึมค่อยๆ หันกลับไปยังต้นเสียงที่กำลังก้มหัวทักทายอีกสองคนที่เหลือ จนถึงรอบของเขา ที่ได้แต่ก้มทักทายตอบเท่านั้น...จนกระทั้งคนสุดท้าย คัง แดซองมาถึงทั้งหมดจึงได้เลือกห้องเขาเลือกห้องริมสุดฝั่งตะวันตก ส่วนจียงเลือกห้องริมสุดฝั่งตะวันออก ทั้งที่อยากอยู่ใกล้แต่นาย กลับอยู่ห่างไกลเหลือเกิน


ทั้งห้าคนอยู่ร่วมกันในบ้านตระกูลยางแบ่งหน้าที่และสร้างข้อตกลง วันนี้เป็นวัน ดีเดย์ของจียง ทั้งที่ไม่อยากให้เขาไปเลย ซึงฮยอนบอกไม่ถูกว่าทำไม...แค่ไม่อยากให้ใครมองจียง ไม่อยากให้จียงสัมผัสใคร ไม่อยากทั้งนั้น...แต่เขาจะห้ามก็ทำไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์เขาต้องทำยังไง?....ถึงจะกักขังจียงเอาไว้เพียงคนเดียว



ตอนบ่ายวันหนึ่งซึงฮยอนที่ว่างจัดเบื่อๆ เซ็งเลยลงมาหน้าบ้านนั่งเล่นได้ซักพักก็เห็นหญ้าเริ่มเยอะเลยนั่งลงถอนมันซะเลย เขานั่งคิดไปถอนไป นึกหาวิธีเข้าใกล้จียงมากกว่าเดิม คืนก่อนเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เลยเถิดไปขนาดนั้น แต่เพราะจียงท้าทายแถมเสียงดังใส่อีก อารมณ์ซึงฮยอนเลยขึ้นง่ายเผลอกดจียงไปแล้วน่ะสิ ซึงฮยอนถอนใจอีก ล้วงโทรศัพท์มากดๆ ดูภาพที่ถ่ายเมื่อคืนซะหน่อย ถึงจะมีแค่ห้าภาพ แต่ละภาพนี่...อืม เอ็กซ์ๆ ทั้งนั้น ซึงฮยอนเก็บลงไปที่เดิมเดี๋ยวของขึ้นอีก เมื่อนั่งก้มตาก้มถอนหญ้าได้ซักพักเจ้าแดซองก็เดินลากขามาพอดี


“อ้าว...กลับมาแล้วเหรอช้าจังนะ” ผมเอ่ยทักแดซองที่ใบหน้าห่อเหี่ยวซะเต็มประดา (ย้อนเหตุการณ์ที่ between us!!...[Kang Dae sung] )



“ฮะเพิ่งกลับมาถึง แต่โดนคุณยางเรียกไปที่บ้านใหญ่มาเมื่อกี้” แดซองตอบเนือยๆ เดินเข้าประตูปล่อยให้ซึงฮยอนนั่งถอนหญ้าเดียวดายอยู่คนเดียว ชายหนุ่มถอนใจเฮือกแล้วนั่งจุมปุกที่เดิม


แอ้ดดด


“ครับๆ ได้ครับแชยองอยากไปที่นั่นเหรอ...” เสียงใสดังขึ้นเหนือศีรษะซึงฮยอน เสียงอย่างนี้คงไม่ใช่แดซองที่เพิ่งเดินผ่านไปแน่นอน จียงยืนค้ำหัวซึงฮยอนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่ชื่อ แชยอง...แล้วซึงฮยอนคิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง!!



“ได้สิครับ คืนนี้เหรออืมเอาไงดี พอดีผมออกได้คืนพรุ่งนี้นะ” จียงเด็ดใบไม้พุ่มเตี้ยๆ ที่ซึงฮยอนนั่งอยู่ข้างใต้เล่นแถมทำร่วงใส่เขาอีก ซึงฮยอนสะกดความพลุ่งพล่านเอาไว้รอจนคนเหนือศีรษะจะเสร็จธุระ


“ครับๆ ได้ครับแล้วเจอกันที่มหาลัยนะ จุ๊บๆ” ซึงฮยอนทะลึ่งพรวดขึ้นตรงหน้า จียงแทบผงะหงายล้มลง โชคดีที่มือมารั้งเอาไว้...มือเหรอ!


“เฮ้ยยยย...ปล่อยนะ” จียงแหกปากลั่นเมื่อเห็นว่าคนตัวโตคว้าต้นแขนเขาไว้แน่น เหตุการณ์เมื่อคืนยังติดตาติดใจ เอ้ย...ยังจำขึ้นใจอยู่เลย ด้วยความหวาดผวาจึงเบี่ยงกายหนีการเกาะกุมท่าทางรังเกียจยิ่งไปกระตุ้นต่อม ของขึ้น ซึงฮยอนให้อีก!!!



“อะไรกัน...จับนิดจับหน่อยแล้วหวงเหรอ ทีเมื่อคืนเรา...” จียงรีบตะปบมือปิดปากซึงฮยอนหน้าเลิ่กลั่กหันซ้ายแลขวาดูว่ามีคนใครผ่านมาได้ยินเข้าหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าปลอดคนก็จะรั้งมือกลับแต่ช้ากว่าคนที่...จูบที่กลางฝ่ามือของจียงไปแล้ว



“เฮ้ยยย...หยุดนะ” ทันทีที่ความอุ่ระอุทาบทับกลางฝ่ามือ จียงอยากชักมือหนีสัมผัสนั้นแต่มือกลับไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาด และเหมือนริมฝีปากร้อนๆนั้นจะมีแรงดึงดูดจนจียงไม่กล้าขยับมือไปไหนได้


“จุ๊บ...นายรู้สึกเหรอ!” เสียงแหบทุ้มที่กระซิบแค่ติ่งหูเล่นเอาจียงที่กำลังเคลิ้มสะดุ้งโหยง ถอยปราดออกห่างจากองศาอันตรายที่มาจากซึงฮยอนทันที


“ไม่ใช่นะ” จียงปฏิเสธทั้งที่ใบหน้าตอนนี้แดงก่ำจรดใบหู กลายเป็นว่าข้อมือทั้งสองข้างอยู่ในอุ้งมือของซึงฮยอน จียงพยายามดึงออกจากการเกาะกุมนั้นแต่เหมือนจะไม่เป็นผล ร่างบางถูกลากตามเข้าไปด้านในชายหนุ่มได้แข็งขืนร่างกายไว้แต่ไม่สำเร็จ ซึงฮยอนลากจียงมาถึงห้องนั่งเล่น ผลักร่างล้มลงบนโชฟาหรูใจกลางห้อง บรรยากาศยามเย็นอึมครึมมากกว่ายามปรกติ ใบหน้าซึงฮยอนที่ถูกแสงกระทบส่ว่างด้านหนึ่งและมืดอีกด้านหนึ่ง แถมยังเข้มขรึม ดวงตาสาดประกายหวามจับจ้องจียงเขม็ง ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกมาเพราะกลัวความอดกลั้นของคนตรงหน้าจะหมดลงเร็วกว่าที่ควร


“นายจะไปไหน พรุ่งนี้น่ะ” ซึงฮยอนที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามออกมา จียงไม่ตอบเบนสายตาไปจับจ้องที่อื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าหล่อเหลาของซึงฮยอน


“ว่าไง...นายจะไปไหน กับใคร!!” จียงอยากย้อนถามว่ามันเกี่ยวกับคนตรงหน้าของเขาตรงไหนมิทราบ เขาจะเดตกับแฟนต้องลงประกาศด้วยมั้ย! จียงแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ไม่ยอมพูด หรือบอกอะไรซึงฮยอนเลย ชายหนุ่มยิ่งเดือดขึ้นไปอีก ว่าแล้วต่อม ของขึ้น ก็เริ่มทำงาน...


“นายจะบอกดีๆมั้ยหรือต้องให้ทำแบบเมื่อคืน อ๋อ...หรือต้องการแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่ทีแรก!” ซึงอยอนเอ่ยกระทบจนจียงใบหน้าแดงก่ำและคราวนี้คงไม่ใช่เพราะความอายแน่นอน


“มันเรื่องของฉัน นายเกี่ยวอะไรด้วย” จียงกัดฟันเอ่ยเสียงต่ำ ขีดความอดทนของเขาเองก็มีจำกัดเหมือนกัน อย่างมากก็แค่ฟาดปากกันเท่านั้นแหละ


“...เรื่องของนายก็เรื่องของฉันนั่นแหละ!! ถ้านายคิดจะไปหาคนอื่น ฉันจะทำให้นายลุกไม่ขึ้นเลยดีมั้ย” ซึงฮยอนคร่อมร่างที่กึ่งเอนบนโชฟาเอาไว้ เชยคางมนขึ้นตอบรับสายตาร้อนแรงที่ถูกส่งไป จียงใช้สายตาเกรี้ยวกราดจ้องตอบเขาไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างหรอกคราวนี้...(เหรอ)


“นายอย่าคิดว่าจะทำตรงนี้ได้นะ เดี๋ยวแดซองก็ต้องมาทำอาหารแล้ว” จียงที่ยังชะล่าใจจนตอนนี้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เวรทำอาหารเย็นเป็นขอแดซองที่ขึ้นชั้นบนไปได้พักใหญ่อีกไม่นานคงกลับลงมาอีก แต่เขาคงคาดหวังกับสิ่งที่ชายตรงหน้าสามารถทำได้


“หึหึ...นายคิดว่าแดซองจะช่วยนายได้เหรอ ไร้เดียงสาไปแล้วจียง...” ซึงฮยอนลากเสียงต่ำ พลางก้มลงชิดใบหน้าที่เบี่ยงหนีเขา ชายหนุ่มกดจมูกสูดกลิ่นกายของจียงเข้าปอด แลบเลียสะกิดปลายติ่งหูที่แดงเรื่อของจียง ร่างบางสะดุ้งพลางถดหนีแต่ด้วยสองมือของเขาซึงฮยอนรั้งให้จียงใกล้เข้ามายิ้งกว่าเดิม


“ปล่อยนะ!!” จียงเริ่มสำนึกได้ ดิ้นรนขัดขืนสองมือที่เกาะกุมไว้แน่น ปลายจมูกซุกไซร้ไปตามผิวกาย และซอกคอทำให้สติเขาหมุนคว้างอย่างประหลาด พอจะเปล่งเสียงร้องซึงฮยอนก็ประกบปิดปากเอาไว้


“อึก...อือ.....”ปลายลิ้นร้อนชำแรกเข้ามาภายใน กวาดต้อนปลายลิ้นที่ถดหนีอย่างตื่นกลังของจียง ไล่ตามราวกับฆาตกรที่ไม่มีวันปลดปล่อยเหยื่อของมันให้มีชีวิตรอด ลมหายใจขาดห้วงจนซึงฮยอนต้องถอนจูบแล้วทาบทับริมฝีปากลงไปใหม่ เนิ่นนานครั้งแล้วครั้งเล่า จนจียงไม่แน่ใจว่าคนที่พัวพันไม่ยอมให้อีกฝ่ายจากไปนั่นคือเขาเองหรือเปล่า อาการเคลิบเคลิ้มงมงายดึงทึ้งสติออกจากร่างจียง มือซึงฮยอนล้วงลึกเข้าสัมผัสผิวกายเรียบลื่น...ทั้งสองรู้สึกถึงส่วนอ่อนไหวของกันและกันที่บดเบียดดุนดันจนสามารถรับรู้ถึงอีกฝ่าย...


“พี่ซึงฮยอนฮะไปกินข้าวเย็นกัน” เสียงแดซองเหมือนสายฟ้าฟาดแยกทั้งคู่ออกจากกัน จียงไม่กล้าขยับเขยื้อนซุกใบหน้ากับแผ่นอกกว้างทันที ซึงฮยอนรีบเงยหน้าขึ้นอีกมือกดศีรษะจียงลงต่ำ ถลึงตาใส่เจ้าแดซองที่มาผิดจังหวะเหลือเกินนะ ด้ายกำลังจะเข้าเข้ม เดี๋ยวจะโดนของ...


“นายรีบไปเลย เร็วๆซี่!!!” ซึงฮยอนออกปากไล่เร่งเพราะกลัวคนตัวเล็กที่ยอมนอนสงบจะลุกขึ้นมาอาละวาดแล้วหนีเขาไปอีก


“ไปแล้วๆ!!” แดซองหน้าเหวอแล้วรีบวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัวที่อยู่ติดกัน แถมเลื่อนบานประตูกระจกปิดให้อีก ดีมาก...เดี๋ยวจะมีรางวัล


“ปล่อย!!” จียงเริ่มขัดขืนอีกแล้ว ผมถอนใจเซ็งๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมปล่อยในเมื่อตอนนี้ ของมันขึ้นไปแล้ว!


“นายจะอยู่เฉยๆ ได้มั้ย” ผมตะคอกใส่จนจียงเงียบลงไปอีก เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองใส่อารมณ์อย่างไม่มีเหตุผลซึงฮยอนรีบจับใบหน้าจียงกลับมาตรงหน้า


“โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยกระซิบชิดริมฝีปาก แต่จียงกลับเบือนใบหน้าหนีสัมผัสนั้นอีก “จี...ยง!!!” ซึงอยอนกัดฟันกรอดอดทนข่มความหงุดหงิดลงไป


“นายอย่ายั่วฉัน...เดี๋ยวจะไม่จบแค่จูบแน่” ซึงฮยอนขู่ แต่จียงไม่สนใจพยายามผลักดันร่างหนาออกจากตัวเขา ซึงฮยอนกดข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะรวบข้อมือไว้ในอุ้งมือข้างหนึ่ง กดจูบทั่วใบหน้าเนียน ก่อนจะวกกลับมาทาบปิดริมฝีปากที่เริ่มบวมเจ่อ


“อึกๆ อือออ” จียงส่งเสียงประท้วงพยายามดันลิ้นซึงฮยอนออกมา แต่ซึงฮยอนที่รอโอกาสอยู่แล้วดูดดุนปลายลิ้นนั้นจนร่างบางได้แต่ส่งเสียงครางรับพอใจ ซึงฮยอนกวาดลิ้นเข้าไปในโพลงปากร้อนรุกไล่จนจียงจนมุมต้องตอบรับจูบเขาอย่างเต็มใจ


“อะ...อย่า...” เสียงค้านแผ่วเบากระซิบชิดริมฝีปากซึงฮยอนที่ถอนจูบออกมาคลอเคลียใบหน้าจียง


“หืม...ว่าอะไรนะ” ซึงฮยอนแกล้งจียงที่อ่อนระทวยในอ้อมแขน มืออีกข้างเลิกชายเสื้อขึ้นไปด้านบนเผยแผ่นอกขาวเนียนสะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ ยอดอกสีระเรื่อแข็งชูชันท้าทายสายตาชายหนุ่มจนต้องลดริมฝีปากลงครอบครอง ดูดเม้มแรงๆ จนจียงสงเสียงคราวหวานพร้อมกับแอ่นร่างขึ้นรับสัมผัสเสียวซ่านที่ซึงฮยอนปรนเปรอให้ ซึงฮยอนดึงเสื้อยืดออกทางศีรษะของจียง แล้วตามด้วยเสื้อที่ชื้นเหงื่อของตัวเอง ทั้งคู่เปลือยท่อนบนแข่งขันประชันต่อสายตาอีกฝ่ายที่จับจ้องมา ซึงฮยอนก้มลงครอบครองยอดอกข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างสะกิดเขี่ยไปพร้อมๆกัน จียงซุกมือไปตามเส้นผมของซึงฮยอนจิกทึ้งตามแรงอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่น อึดอัดจนแทบระเบิดออกมาภายนอก ซึงฮยอนบดท่อนล่างที่ปรากฏท่อนเนื้อนูนออกมาอย่างน่ากลัวกับส่วนอ่อนไหวของจียง จนชายหนุ่มที่เคลิ้มไปขั่วขณะได้สติกลับมา เริ่มออกแรงดิ้นรน ซึงฮยอนสบถอย่างอารมณ์เสียทำไมจียงต้องขัดขืนเขาตอนด้ายกำลังจะเข้าเข็มทุกทีไป


“หยุด!! ซึงฮยอนปล่อยนะ...” จียงเอ่ยเสียงแข็งพยายามรวบรวมสติที่เหลือออกแรงสลัดให้หลุดจากการเกาะกุม ซึงฮยอนยิ้มเย็นใช้มืออีกข้างเลื่อนลงมาที่ด้านล่างจนถึงขอบกางเกงยีนส์ เลื่อนมาถึงกระดุมด้านหน้าค่อยๆ ปลดปล่อยมันทีละเม็ด ที่ริมฝีปากก็กระตุกยิ้มยั่วจียงที่กัดฟันกรอด


“อะไรกัน...นายออกจะรู้สึกดี ไม่ค่อยยอมรับเลยนะจียง” ซึงฮยอนหัวเราะในลำคอยิ่งทำให้จียงใบหน้าแดงก่ำ จียงเมื่อเห็นว่าคงเถียงไอ้บ้าตรงหน้านี้ไม่ได้แล้วจึงเงียบปากกัดฟันเบือนหน้าหนี


“ดูสินายจะทนได้แค่ไหน” ซึงฮยอนเอ่ยท้าทายร่างเล็ก จียงไม่ตอบโตแต่ไม่ยอมมองซึงฮยอนเลยซักนิด ซึงฮยอนขยับอุ้งมือที่กอบกุมท่อนเนื้อร้อนผ่าวเอาไว้ รูดขึ้นจนสุดปลายจากนั้นเลื่อนกลับไปด้านล้างช้าๆ ปลายนิ้วเคล้นคลึงส่วนหัว จนมีน้ำใสเยิ้มออกมา จียงกลั้นเสียงเอาไว้แต่ร่างกายที่กระตุกไหวสะท้าน ร่างกายที่แอ่นสูงขึ้นบิดเร้าๆ อย่างทรมาน ซึงฮยอนยิ้มสมใจเขาแค่รอให้ร่างเล็กส่งเสียงเท่านั้นการทรมานของเขาจะถือว่าสิ้นสุด...ครางสิจียง ซึงฮยอนร้องขอในใจ


“ส่งเสียงออกมาสิ...นายจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ซึงฮยอนกระตุ้นจียงที่ยังเงียบอยู่ แต่ร่างกายที่ส่ายไปมานั้นแสดงคำตอบอย่างดี ผิวกายแดงเรื่องอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่ภายในห้องมืดครึ้มปานนี้ ใบหน้าเหยเกของจียงยิ่งทำให้ซึงฮยอนใจอ่อน..


ครางสิ!!


ซึงฮยอนอ้อนวอนคนตรงหน้าในใจ


“ครางจียง!! ครางได้ยินมั้ย!!” ซึงฮยอนแสยะยิ้มเย็นให้ร่างเล็กอีกครั้ง ซึงฮยอนบีบรัดส่วนปลายเอาไว้แน่นอย่างไม่กลัวจียงเจ็บ จนส่วนนั้นแดงก่ำจนน่ากลัว


“อะ อ๊า!! ซึซึงฮยอน ปล่อยๆ” จียงยกมือขึ้นทุบท่อนแขนข้างนั้นเบาๆ ซึงฮยอนยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก้มลงครอบริมฝีปากกับท่อนเนื้อปริเปล่งของจียงทันที ปลายลิ้นไล้วนไปตามท่อนเนื้อ จนถึงยอดที่น้ำใสๆ เอ่อคลออยู่


“อืม...อา ซึงฮยอน อ๊า” จียงส่งเสียงครางเมื่อถูกกระตุ้นด้วยริมฝีปาก และลิ้นร้อนๆ ดูดกลืนส่วนอ่อนไหวเป็นจังหวะเร่งเร้าจนจียง หอบสะท้านร่างสั่นเทิ้มเมื่อจุดสิ้นสุดจะมาถึง ท่อนเนื้อในปากกระตุกวูบก่อนจะสาดกระจายเมล็ดพันธุ์เข้ามาเต็มปากกลิ่นคาวคละคลุ้งเต็มจมูกแต่ซึงฮยอนกลับกลืนมันลงไปทั้งหมด จนจียงสงบลงซึงฮยอนก็แลบลิ้นเลียท่อนเนื้อที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำนมให้จนสะอาด


“ไอ้บ้า พะพอแล้ว” จียงยังมีแรงเหลือมาด่าซึงฮยอนที่กำลังหยอกเอินกับจียงน้อยอยู่ด้านล่าง ซึงฮยอนขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ


“ทำให้อย่างดีแล้วยังมาว่าอีกนะ” ซึงฮยอนต่อว่าอย่างน้อยใจ ชายหนุ่มทุ่มเทให้ขนาดนี้แล้วทำไมคนตรงหน้าไม่ยอมรับรู้ซะที


“ใครขอเล่า!!” จียงยันกายเถียงกลับ ซึงฮยอนไม่รอให้คนตรงหน้าได้ต่อว่าอีก จับคางเชิดขึ้นรับจูบจากเขาก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มร่างบางขึ้นไปยังด้านบน...


หลังจากนั้นดูเหมือนจียงจะหลับยาวจนเช้า พอซึงฮยอนตื่นมาจียงก็หายไปแล้ว พอโทรถามแดซองก็ได้รับคำตอบว่าจียงไปเรียน เฮ้อ...ซึงฮยอนถอนใจเหนื่อยๆ กับตัวเอง เขาเล่นเกมส์คอมไปพักใหญ่จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น


“โหลๆ” ซึงอยอนแนบหูข้างหนึ่งไว้กับโทรศัพท์แทนมือที่กดคีย์บอร์ดรัวเร็ว สายตาจับจ้องมอนิเตอร์เขม็งไม่สนว่าใครที่โทรมา


[พี่ซึงฮยอนไปเที่ยวกันมั้ย] เสียงนุ่มแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ทง ยองแบ อะไรของมันร้อยวันพันปีไม่เคยชวนเที่ยว...ซึงฮยอน ไม่สน


“ไม่ว่างอ่ะ นายไปเองดิแค่นี้นะ” ซึงฮยอนกำลังจะวางแต่เสียงตะโกนลั่นของยองแบแทรกเข้ามาก่อนที่จะวางไปตามที่ตั้งใจ


[เดี๊ยววววว พี่ซึงฮยอน ไปหามักเน่เป็นเพื่อนหน่อยสินะๆ ] ยองแบขอร้องอยู่ปลายสาย เมื่อโดนรบกวนสมาธิมากๆเข้า ฮีโร่ของซึงฮยอนก็เลยดับ! ชายหนุ่มถอนใจยอมแพ้ยองแบ


“เออๆ ก็ได้นายอยู่ไหนแล้วล่ะ” เมื่อยังไงก็ต้องไปซึงฮยอนจึงปิดเครื่องแล้วรีบโบกแท็กซี่ไปหาเจ้าตัวเรื่องมาก จนมาถึงหน้าโรงเรียนมักเน่ก็เห็นยองแบยืนแอบๆ อยู่มุมหนึ่งของประตูทางเข้า แต่สายตาสาวๆที่มองอยู่อีกหลายต่อหลายคู่ไม่อนุญาตยองแบให้หลบพ้น


“พี่ซึงฮยอนทางนี้ๆ” ยองแบโบกมือให้ซึงฮยอนที่ก้าวลงจากแท็กซี่เรียบร้อย ยองแบเดินมาหาชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง


“ทำไมต้องมาหามักเน่ที่นี่เนี่ย เดี๋ยวก็ได้เจอที่บ้านแล้ว” ซึงฮยอนกวาดตามองถุงกระดาษในมือยองแบที่คงอัดแน่นด้วยของฝากมากมาย ดูสิว่าเห่อขนาดใหน


“เอาน่า...ช่วยๆกันนะเอ้า ถือช่วยหน่อยสิ!” ยองแบยื่นถุงในมือให้ซึงฮยอนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่และไม่ยอมรับมาถือ


“อ่ะๆ วันหลังจะเล่าเรื่องจียงตอนเด็กๆให้ฟังละกัน” ก็แค่นั้น...ซึงฮยอนก็ยื่นมือออกไปคว้ามาถืออย่างว่าง่าย ยองแบแอบยิ้มจนซึงฮยอนหมั่นใส้โบกใส่หนึ่งที สักพักสาวๆ ก็แห่มาจากไหนไม่รู้มากมายยืนล้อมพวกเขาเป็นวงกว้าง แต่ดีหน่อยที่ยืนดูแค่ห่างๆ


“มักเน่ทางนี้!!” ซึงฮยอนเรียกซึงฮยอนคนน้องเสียงดังจนสาวๆที่มารุมล้อมหันกลับไปมองอย่าสนใจ


“อ้ะ! พี่ยองแบกลับมาแล้วเหรอฮะ” มักเน่ที่กำลังเดินเข้ามาหาร้องเรียกยองแบที่เกาท้ายทอยตัวเองแล้วเดินออกไปหามักเน่...

“ใช่...” ยองแบขยี้ศีรษะมักเน่เบามือ จากนั้นก็พูดคุยและตกลงกันไปที่คาราโอเกะ จากนั้นคงไม่ต้องเดาเหตุการณ์ต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นสินะ......(อ่านได้ในตอนของมักเน่ใน between us!!...[Lee Seung Hyun] )





¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤ « ТЕΜ ♥ Ġ » ¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤

Special Thank For Kayu…

Special Thank For Kayu…ตามคำขอข้างล่างอ่ะค่ะ อ่านแล้วแวะมาบอกด้วยนะคะถูกใจหรือเปล่า ^^ จาก Lunazia (บุ๋มบิ๋ม)

ขอตอนพิเศษ ที่ไหน... ห้องครัว ใครกับใคร.... ยองเเบกับซึงริ สถานการ์ใด.... อันนี้คิดไม่ออกจริงๆฮับ NC หรือไม่.......NC แน่นอน คิคิ : kayu

○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○ТДЕ♂ЯЇ○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○

สมมติว่า....เวลาผ่านไปสิบปี


“อือ...ฮยองครับ” ลี ซึงฮยอนควานหาร่างของใครบางคนที่นอนเคียงข้างกันมาตลอดคืน แต่ตอนนี้มีเพียงที่นอนว่างเปล่าเย็นเฉียบที่เขาสัมผัสถึง


พี่ยองแบหายไปไหน!


ซึงฮยอนผวาเฮือก ปัดผ้าห่มหนาออกจากร่างเปลือยเปล่าของตนเอง ท่อนบนแข็งแกร่งอุดมด้วยกล้ามเนื้อ ผิวขาวละเอียดเคลื่อนไหวไปตามแรงเคลื่อนไหวยามย่างเท้าลงไปยังชั้นล่าง เช้าตรู่ที่อากาศสดชื่นมีเพียงความเงียบสงบแทรกซึมอยู่ทุกอณู สายตาซึงฮยอนกวาดมองไปยังทุกๆส่วนของบ้าน


ห้องนั่งเล่นก็ไม่มี

ห้องหนังสือก็ไม่มี

ห้องครัว...ร่างของคนที่กำลังตามหาอยู่ที่นั่นเอง พี่ยองแบของเขากำลังยืนหันหลังให้เคลื่อนไหวไปมา ซึงฮยอนที่เหม่อมองแอบคิดว่าท่วงท่าด้านหลังช่างเร้าใจสุดๆ ยองแบสวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวบางๆ กับกางเกงวอมสีเทา คาดผ้ากันเปื้อนลายน่ารักสดใสที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญ ไหล่ทั้งสองข้างขยับเคลื่อนไหวแต่เงอะงะๆ ซึงฮยอนมองคนที่กลายร่างเป็นพ่อครัวในตอนนี้แล้วอมยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุข


“โอ้ยยยย!!” เสียงยองแบอุทานอย่างเจ็บปวด ซึงฮยอนถลาเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรไปฮะพี่” ซึงฮยอนคว้ามือที่ตอนนี้อาบด้วยเลือดแดงเข้ม “มีดบาด” ซึงฮยอนหน้าเสียหากเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทนพี่ยองแบยังจะดีกว่าเป็นไหนๆ


“ไม่เป็นไรเลย...แค่เจ็บนิดเดียวเองนายอย่าโวยวายไปสิ” ยองแบขมวดคิ้วใส่คนที่ออกอาการเว่อร์กว่าเขาที่เป็นคนเจ็บเสียอีก ซึงริไม่ยอมปล่อยมือค่อยๆหยิบทิชชู่มาซับเลือดออกอย่างเบามือ


“ปล่อยเถอะเดี๋ยวเอาไปล้างๆน้ำซักพักเลือดก็หยุดเองน่า” ยองแบยื้อมือจากการเกาะกุมของซึงฮยอนที่ยังประคองมือเขาเอาไว้ราวกับของล้ำค่า


“งั้นผมล้างให้เองนะ...” ซึงฮยอนพูดจบไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของมือก็รีบก้มลงดูดกลืนนิ้วเรียวเข้าปากไป


“อ้ะ!! มันแสบปล่อยๆๆ” ยองแบพยายามดึงมือออก น้ำตาคลอเพราะความแสบจากบาดแผล ยิ่งโดนน้ำยิ่งแสบไปใหญ่ ที่ปลายนิ้วอุ่นวาบพร้อมสัมผัสนุ่มๆ ที่ฉกวนดูดกลืนราวกับว่าเป็นขนมหวาน


“อือ..ปล่อยเถอะ เลือดมันหยุดแล้ว” ยองแบหน้าแดงที่ซึงฮยอนล้างแผลเขาด้วยวิธีนี้ แถมยังเอาลิ้นมาคลอเคลียไล้เลียอีก สายตาหวานของซึงริช้อนขึ้นมองยองแบที่ใบหน้าแดงก่ำ ความน่ารักของคนตรงหน้ากระตุ้นเขาให้ลากลิ้นเลื้อยไปตามง่ามนิ้ว ซึงฮยอนกัดเม้มหยอกเอินนิ้วเรียวทีละนิ้ว ช้าๆ นุ่มนวล จนรู้สึกว่ามือข้างนั้นสั่นน้อยๆจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ


“ผมว่าให้ผมรักษาให้ดีกว่านะครับ” ซึงฮยอนบอกคนตรงหน้าด้วยสายตาวับหวาน ผลักร่างของยองแบติดเคาท์เตอร์ด้านหลัง สองแขนคร่อมร่างที่ก้มหน้างุดหลบหลีกใบหน้าซุกซนของซึงฮยอน


“แบบนี้ไม่ใช่การรักษาซักหน่อย” ยองแบกล่าวอ้อมแอ้ม พยายามผลักใสร่างสูงที่แนบชิดไปซะทุกส่วน ซึงฮยอนหัวเราะน้อยๆ อย่างพอใจ มือก็ล้วงลึกไปภายใต้กางเกงลูบคลำเป้าหมายเบาๆ รั้งจนกางเกงร่วงไปกองที่ข้อเท้า


“พะพอเถอะ ซึงฮยอน!” ยองแบพยายามขัดขืนด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น สองมือเกาะบ่าสูงเอาไว้เพราะขาสองข้างอ่อนแรงเกินกว่าจะพยุงตัวได้ด้วยเอง ไหนจะปลายลิ้นร้อนชื้นที่คอยไล้เลียไปตามซอกคอและใบหู ยิ่งสูบเอาเรี่ยวแรงไปจากเขา


“น่านะ...ผมหยุดไม่ได้แล้ว” ซึงฮยอนออดอ้อนกับคนในอ้อมกอดเสียงหวาน ปลายจมูกกดลงแก้มทั้งสองสูดกลิ่นหอมเข้าปอด เพิ่มน้ำหนักมือที่บีบเคล้นหยอกเย้ายองแบน้อย จนลุกชันดุนดันฝ่ามือจนเห็นได้ชัด ซึงฮยอนวนกลับไปประกบริมฝีปากอีกครั้ง ลมหายใจสอดประสานพร้อมเพรียง เรียวลิ้นพัวพันจนยากแยกออกว่าใครเป็นคนเริ่ม


“อืม..อื้อ!!!” ซึงฮยอนจงใจบีบที่ส่วนปลายแรงๆ จนยองแบร้องครางออกมาอีก คิดจะกลั้นเสียงเอาไว้ยังเร็วไปร้อยปี ซึงฮยอนยิ้มให้ยองแบที่เงยหน้ามองเขาอย่างอาฆาตหน่อยๆ


“อย่ามองแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวผมไม่อ่อนโยนให้นะ” ซึงฮยอนล้อเลียนยองแบที่ก้มซุกใบหน้ากับซอกคอของตน เพราะลมหายใจอุ่นที่รินรดยิ่งทำให้เขาอารมณ์กระเจิง ซึงฮยอนขบกรามแน่นอย่างยับยั้งใจตัวเอง พยายามสัมผัสทุกส่วนอย่างอ่อนโยนแต่ยองแบที่บดเบียดใบหน้าแนบชิดผิวกายเหมือนจงใจ ราวกลับกำลังปลุกเร้าอารมณ์บ้าคลั่งของเขา


“อ๊ะ!...” ยองแบส่งเสียงอย่างตกใจที่จู่ๆ ซึงฮยอนพลันสอดขาแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างที่อ่อนแรงของเขา แต่ริมฝีปากของร่างสูงกลับดูดกลืนเสียงเอาไว้ทั้งหมด ยองแบได้แต่ตอบสนองให้กับปลายลิ้นที่เรียกร้องนั้น สองแขนโอบคอของซึงฮยอนเพื่อพยุงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง และส่วนอ่อนไหวถูกปลุกเร้าจนร่างกายสั่นเทิ้มเป็นที่พอใจของซึงฮยอนยิ่งนัก ซึงฮยอนผละมือจากแก่นกายที่ร้อนระอุของยองแบ เลื่อนไปยังด้านหลังที่บิดส่ายไปมาเหมือนกำลังรอคอยสัมผัสจากเขาอยู่


“อ้ะ ...อือออ....” ยองแบกลั้นเสียงครางเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงการล่วงล้ำของปลายนิ้ว เขาขบฟันกับริมฝีปากล่างเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บแต่ไม่เท่าความเสียวซ่านที่รุกล้ำเข้ามาภายใน การเคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ทว่ามั่นคงของซึงฮยอนกระตุ้นอาการร้อนรุ่มในกายขึ้นจนแทบกรีดเสียงร้องเพื่อระบายความอึดอัดในอกออกมา


“เคร้ง!!” มือที่ปัดป่ายของยองแบทำเอาจานกระเบื้องเนื้อดีร่วงหล่นจากเคาท์เตอร์แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายเต็มพื้น แต่ทั้งสองกลับไม่ได้ใส่ใจบรรเลงเพลงสวาทจนทั้งห้องอบอวลด้วยความร้อนและมึนเมาของเพลิงราคะที่ต่างฝ่ายต่างจุดให้กัน กลิ่นซุปหอมกรุ่นล่องลอยในอากาศ แต่ชายหนุ่มทั้งสองหาได้สนใจ มอบสัมผัสให้กันและกัน


“ซึงฮยอน...” ยองแบครางเรียกเสียงแหบแห้ง ไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองเมื่อความต้องการมาถึงขีดสุด ดวงตาทอแววออดอ้อนวอนขอให้ซึงฮยอนเลิกทรมานร่างกายเขาเสียที ซึงฮยอนเองก็แทบทนไม่ไหวแต่เขาชอบที่จะเห็นพี่ยองแบร้องขอและอ้อนวอนด้วยใบหน้านี้ที่สุด


“อะไรครับคนดี...” ซึงฮยอนแกล้งไม่เข้าใจสายตาเยิ้มหวานนั้น ก้มลงซุกใบหน้ากับกกหูที่ไวต่อสัมผัสของคนในวงแขน ยองแบเบี่ยงหนีแต่ไม่พ้นปลายลิ้นที่แตะสัมผัส จนใจต้องส่งเสียงครางตอบรับความรู้สึกนั้น


“อืออ...เลิกแกล้งซักที” ยองแบกล่าวพลางทิ้งร่างกายเอนไปด้านหลังแอ่นรับสัมผัสร้อนๆ จากคนตรงหน้า ซึงฮยอนเงยหน้าขึ้นมองยองแบ ใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู ริมฝีปากบวมเจ่อเพราะจูบของเขา สายตาหวานฉ่ำที่ตอนนี้หรี่ปรืออย่างยั่วยวน ซึงฮยอนแทบยกธงขาวยอมแพ้ในเกมส์รักครั้งนี้เสียให้ได้


“พี่ยองแบน่ารักจัง” ยองแบพอได้ฟังก็ก้มหลบสายตาเพราะความอาย แม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้วแต่ยองแบกลับไม่ชินซักที ทั้งที่เมื่อก่อนซึงฮยอนออกจะนารักแท้ๆ ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ได้นะ เขาพ่ายแพ้ให้ผู้ชายตรงหน้านี้ได้ยังไง


“อา...อือ!!” ยองแบครางรับปลายลิ้นที่หยอกเอินยอดอกของตัวเอง ความร้ายกาจของซึงฮยอนคือไม่ยอมให้เขามีเวลาว่างได้คิดเรื่องใดๆ ขณะที่พวกเขารักกันอย่างนี้ แรงดูดเม้มยิ่งทำให้ร่างของยองแบเอนทิ้งไปด้านหลังทั้งหมดจนแทบนอนแผ่บนเคาท์เตอร์ไปแล้ว ซึงฮยอนเห็นดังนั้นรีบทิ้งร่างลงทาบทับลากลิ้นผ่านผิวกายเรียบลื่นแข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้องดงาม ที่เขาเคยวาดหวังว่าจะได้ครอบครอง


“ดะเดี๋ยว...อื้อ ซึงฮยอน” ยองแบยันกายบนศอกทั้งสองข้างก้มลงมองซึงฮยอนที่ครอบครองส่วนอ่อนไหวของเขาเอาไว้ในปาก ปลายลิ้นช่ำชองตวัดวนรอบส่วนปลายแล้วกลืนท่อนเนื้อที่สั่นระริกนั้นเข้าไปจนมิด


“ซี้ดด อา” ยองแบปลดปล่อยเสียงครางพอใจต่อสัมผัส สอดแทรกปลายนิ้วไปกับเส้นผมนุ่มลื่นของซึงฮยอนยามใดที่ซึงฮยอนรูดจนถึงยอดแล้ววกกลับลงไปใหม่ยองแบก็จะกดศีรษะนั้นไว้แน่น ความเสียวซ่านแทบประทุผ่านกำแพงความอดทนออกมาแต่ซึงฮยอนกลับถอนริมฝีปากออกแล้วใช้อุ้งมือบีบรัดไม่ยอมให้เขาปลดปล่อย!


“อืมม ไอ้บ้าปล่อยสิ” ยองแบว่าอย่างขุ่นเคืองใบหน้าแดงก่ำเพราะต้องการปลดปล่อยอย่างที่สุด


“จุ๊ๆ พูดไม่เพราะเลยนะครับ” ซึงฮยอนปลดกางเกงตนเองลงด้วยมืออีกข้าง เผยร่างลูกชายที่ผงาดชูชันต่อสายตาของยองแบ ยิ่งมอง สวนนั้นของซึงฮยอนยิ่งขยายใหญ่เหมือนกำลังท้าทาย ยองแบกลืนน้ำลายลำคอแห้งผากไม่มีเสียงใดจะเปล่งออกมา


“ดูสิฮะ ลูกชายผมมันดีใจใหญ่เลย” ซึงฮยอนทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนคนตรงหน้าที่ไม่ละสายตาจากส่วนอ่อนไหวของเขา


“บ้าสิ ปล่อยนะ” ยองแบขัดขืนแต่ช้าไปแล้ว เพราะซึงฮยอนบดเบียดท่อนเนื้อร้อนๆนั่นกับด้านหลังจนยองแบสะดุ้งเฮือก ถอยหนีอย่างลืมตัว


“ดะเดี๋ยวอ้ะ!!” ยอแบพยายามท้วง ซึงฮยอนตรึงขาทั้งสองข้างของยองแบไว้บนบ่า ผลักดันเข้าไปจนมิด ยองแบทุดฮวบนอนหมดเรี่ยวแรงไม่มีต่อต้านซึงฮยอนได้อีก ซึ่งสมใจเขาที่สุด พอขยับคลึงจนช่องทางขยายสามารถให้เขาเคลื่อนไหวได้สะดวก ซึงฮยอนจึงเริ่มเคลื่อนกายเข้าออกช้าๆ บางครั้งเหมือนจะรัวเร็วกระแทกกระทั้นจนยองแบส่งเสียงครางลั่น บางครั้งเชื่องช้าจนยองแบแอบขัดใจที่โดนคนที่ทาบทับอยู่กลั่นแกล้งเอา


“อืออ ซึงฮยอนพอแล้ว” ลี ซึงฮยอนยิ้มรู้ทันยองแบเพราะคำที่บอกว่าพอนั้นหมายถึง ให้เลิกแกล้งซักที! ซึงฮยอนรอคอยอยู่ก่อนแล้วจึงเร่งจังหวะเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์


“พี่ยองแบดีจังเลยครับ!!!” ซึงฮยอนเคลื่อนไหวสะโพกเข้าหายองแบที่ตอบรับเป็นอย่างดี มือข้างหนึ่งกระตุ้นส่วนอ่อนไหวด้านหน้าของยองแบ เสียงหัวใจถี่รัวของทั้งสองสอดประสานแทบเป็นจังหวะเดียวกัน ร่างสั่นเทิ้มเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกสุกท้ายที่ปลดปล่อยความรู้สึกสุขสมออกมาพร้อมกัน ของเหลวสาดเปรอะเปื้อนแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของยองแบ ยอดอกแดงระเรื่อและร่องรอยจุมพิตร้อนแรงปรากฏไปทั่วแผ่นผิวขาวเนียน ซึงอยอนหอบหายใจหนักๆ ทรุดร่างลงทาบทับคนรักอย่างหมดแรง แรงตอดรัดที่ตรงนั้นทำให้ไฟราคะของเขากระพือขึ้นอีก ท่อนเนื้อที่หดเล็กกลับขยายใหญ่อย่างรู้งาน


“อะเดี๋ยว!!” ยองแบที่พลันรู้สึกก็สายไปแล้ว ซึงฮยอนประกบปิดเสียงค้านเอาไว้แล้วเริ่มขยับเคลื่อนกายบดเบียดเรียกร้องให้คนข้างใต้ตอบสนองเขาอีกครั้ง!





เมื่อพายุโหมกระหน่ำผ่านพ้นไปซึงฮยอนโอบอุ้มร่างที่หมดสติของยองแบขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านพัก ทันทีที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังกับพี่ยองแบเท่านั้น ลี ซึงฮยอนอึ้งต่อภาพตรงหน้า เชว ซึงฮยอนชายที่มีใบหน้าคมเข้มกำลังขมวดคิ้วเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างที่แสนสำคัญ ถัดจากนั้นเป็น คัง แดซอง ที่อมยิ้มเหลือบมองเขาพลางยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดีแล้วหันกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่ในมือแทน ควอน จียงที่เอนกายครึ่งนั่งครึ่งนอนกัดนิ้วเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าทักทายให้หนึ่งทีแล้วเลิกสนใจเขาที่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม คุณยางที่นั่งข้างพี่แดซองโบกมือให้เขาทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ทั้งหมดนั่งล้อมเป็นวงกำลังจั่วไพ่กันแบบหน้าดำคร่ำเคร่ง ทั้งที่เขายังตะลึงค้างอยู่กับที่เผลอกระชับอ้อมกอดแน่นเพิ่งรู้สึกถึงคนในอ้อมแนที่หลับสนิท


ดีแล้วที่หลับไป...


ไม่อย่างนั้นพี่ยองแบอาจฆ่าเขาด้วยกล้ามแขนงามๆนั้นแน่


ลี ซึงฮยอนกลืนน้ำลายเอื้อกไม่กล้าส่งเสียง


“นี่นายไม่หนาวมั้งเหรอไง” พี่ซึงฮยอนพี่ใหญ่หันมาทางเขาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจไพ่ในมือ ใช่เขารู้สึก ว่าร่างกายท่อนล่างเย็นวาบๆ เหมือนกันไม่ต้องให้บอกซ้ำลี ซึงฮยอนรีบเดินขึ้นบันไดทีละสองขั้นจนลับร่างเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงระเบิดหัวเราะจากคนที่ทำเป็นสนใจไพ่ในมือนักหนา ซึงอยอนหน้าร้อนวูบอับอายที่ถูกเห็นตอนที่น่าขายหน้าที่สุด แล้วทุกคนได้ยินไปถึงไหนต่อไหนเนี่ย ซึงฮยอนวางร่างพี่ยองแบบนเตียงนุ่มแล้วเข้าห้องอาบน้ำเปิดน้ำอุ่นจนเต็ม แล้วกลับมาช้อนร่างที่ยังพริ้มหลับไปยังอ่างอาบน้ำ...เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จซึงฮยอนรีบวิ่งลงไปยังห้องนั่งเล่นทันที ก่อนที่คนบนเตียงจะตื่นขึ้นาเขาต้องทำอะไรบางอย่าง


“ทำไม!...”


“ชนะแล้ว!!!!” เสียงพี่จียงดังขัดขึ้นก่อนที่เขาจะได้กล่าวจนจบประโยค คนอื่นๆทำหน้าเซ็งแล้วควักบัตรเครดิตดำเมื่อมออกมาจากกระเป๋าโยนสุมลงบนไพ่ที่แผ่หลาอยู่กลางโต๊ะเล็กๆนั่น


“อย่ารูดหมดนะฮะพี่จียง” คัง แดซองเอ่ยเบาๆ ใบหน้าสลดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนไปทาง ควอน จียงที่กำลังกรีดนิ้วไปบนบัตรวงเงินไม่จำกัดเหล่านั้น


“จะพยายามนะ” จียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีสุดๆ พลางจูบบัตรในมือตบท้ายอย่างสะใจ


“นี่นายจูบบัตรใครวะ” ชเว ซึงฮยอนมองจียงตาขวาง จียงส่งสายว่าไม่เข้าใจที่คนตัวโตพูด


“เอามานี่!!” แล้วซึงฮยอนคนพี่ก็ทำท่าจะแย่งบัตรออกจากมือจียงที่เบี่ยงหลบ


“ไม่ให้นี่เป็นของฉันแล้วนะโว้ย” จียงรีบยัดบัตรทั้งหมดใส่กระเป๋าตัวเอง


“ถ้าจะจูบมาจูบฉันนี่เดี๋ยวจัดให้” ชเว ซึงฮยอนตะโกนใส่จียง ทุกคนส่ายหัวให้พี่ใหญ่อย่างเอื่อมระอา จียงหน้าแดงจรดใบหูแล้วได้แต่วิ่งหนีไปหลบด้านหลังของเขา


“มักเน่!ดูพี่นายดิเป็นบ้าไปแล้ว” จียงส่งเสียงอ้อนใส่ซึงฮยอนน้องเล็กของทุกคนที่กำลังมองกราดไปอย่างเดือดๆ


“ทุกคนเข้ามาได้ยังไงครับ!!!” จียงมองซึงอยอนที่เป็นกำแพงหวาดๆแล้วรีบวิ่งกลับหลบที่ด้านหลังของซึงฮยอนคนพี่แทน ซึ่งคนตัวโตรออยู่ก่อนคว้าร่างบางสู่วงแขนแน่นแต่จียงไม่มีท่าทีขัดขืน


“ว่าไงครับ!!” คราวนี้ ลี ซึงฮยอนกวาดตาไปยัง คัง แดซองที่หมุนแก้วน้ำในมือเล่นกลบเกลื่อน แก้วน้ำ!! แล้วเข้าไปเอามาตอนไหน


“คุณยางว่าไงครับ!!” ซึงฮยอนหันไปจ้องหน้าคุณยางที่เบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมสบสายตาของซึงฮยอนน้องเล็กที่ครั้งหนึ่งเคยอ้อนอย่างน่ารัก


“ก็......เดินเข้ามาดิประตูหน้าบ้านไม่ได้ล็อกนี่หว่า” พี่ใหญ่เอ่ยเบาๆ จียงพยักหน้าสนับสนุน


“น่าพวกเราแค่นั่งตรงนี้เล่นไพ่รอพวกนาย.......ไม่ได้รบกวนซักติ้ดดด” พี่แดซองพูดยิ้มๆ ซึ่งใบหน้านี้กระตุ้นโทสะของผมเป็นอย่างดี


“ใช่ๆ ถึงเสียงจะดังไปหน่อยพวกเราก็ไม่ถือหรอกนะ ฮิๆ” จียงหัวเราะขำชอบใจซึงฮยอนใบหน้าแดงก่ำอย่างอับอาย


“ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจแอบดูหรอกนะ..พอดีประตูห้องครัวมันไม่ได้ปิดน่ะ!!” คุณยางพูดปิดท้ายก่อนเดินผละจากไป ปล่อยให้คนรับฟังอย่าง ลี ซึงฮยอนได้แต่นิ่งอึ้ง
ความรู้สึกเหมือนโดนกรรมสนองที่เคยแอบดูพวกพี่จียงกับพี่ใหญ่ซึงฮยอน แล้วทำไมเขาถึงโดนคนเดียวเล่าเมื่อวันนั้นพี่แดซองก็ดูกับเขาด้วยนี่!! เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญกลับไปหมดแล้วซึงฮยอนจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


ดีแล้วที่พี่ยองแบยังหลับอยู่ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะโวยวายเขาแค่ไหน


หวังว่าพวกนั้นคงไม่พูดให้พี่ยองแบฟังนะ...


ซึงฮยอนถอนใจทิ้งแล้วหันกลับหวังจะขึ้นบันไดกลับห้องไปนอนกอดคนรัก แต่สายตาร้อนระอุเหมือนมีควันไฟพวยพุ่งคู่นั้นทำเขาพูดไม่ออก


“พี่ยองแบ...”ชายหนุ่มครางชื่อที่หวาดกลัวออกมา ยองแบที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยยืนนิ่งใบหน้าโกรธจ้องมองเขาจนไม่กล้าหายใจ


“ไอบ้า!! เพราะนายคนเดียว” ยองแบหันกายวิ่งขึ้นไปยังด้านบนปล่อยให้ซึงฮยอนอ้าปากหวังจะแก้ตัว


“ฮยองคร้าบบบบ” ซึงอยอนวิ่งตามขึ้นไปแต่ไม่ทันประตูห้องที่พลันปิดลง เขาได้แต่ทุบประตูเรียกให้คนภายในเปิดรับเข้าไป ขณะที่มือทุบประตูในใจก็อาฆาตพี่ๆที่มาทำให้เขาเดือดร้อนแล้วจากไปเอาไว้มีโอกาสเอาคืนเมื่อไหร่เข้าจะคืนให้พันเท่าเลยจริงๆ ลี ซึงฮยอนบอกตัวเองปากก็เอ่ย


“ฮยองครับเปิดประตูนะครับ ...ฮยองงงง”



○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○ТДЕ♂ЯЇ○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○

Special Thank For ericmun…

Special Thank For ericmun…ตามคำขอข้าล่างอ่ะค่ะ อ่านแล้วแวะมาบอกด้วยนะคะว่าหวานพอมั้ย ^^ จาก Lunazia(บุ๋มบิ๋ม)

อ๊าา~!!! ไรเตอร์ค๊า อิอิ ขอ รีเควสค่าา เอิ๊กก ขอคู่ Bae-Ri เอา Nc นิดๆ พอหอมปาก หอมคอ เอิ๊กก แล้วก็ขอเพิ่มๆ เอาแบบหวานสุดๆ ไปเลย ชนิดที่น้ำตาลเรียกพี่ โอเคนะค๊า คิคิ รักไรเตอร์ที่สุดในโลก โฮกก เอิ๊กก : ericmun

○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○ТДЕ♂ЯЇ○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○


สมมติว่า...สี่ปีต่อมา:ตอน....รักนะทง ยองแบ จากซึงริ

หมายเหตุ : ภายในเรื่องซึงรีจะใช้ “ฮยอง”ก็ต่อเมื่ออยากอ้อนและใช้ “พี่” ในการพูดคุยธรรมดาและเวลาแสดงท่าทางจริงจังค่ะ


ลี ซึงฮยอนหนุ่มน้อยหน้าใสในอดีตที่บัดนี้เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวเขา กำลังศึกษาวิชาดนตรี เอกการขับร้องที่ประเทศออสเตรีย... ร่างกายที่สูงใหญ่ของซึงรีเริ่มแตกต่างจากเมื่อสี่ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่าร่างกายผอมบางหากเต็มตึงไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง ใบหน้าคมเข้มดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมลองทรงทันสมัยเปล่งประกายดำขลับสะท้อนล้อแสงแดดสดใสของฤดูร้อน บ่ายแก่ๆนักศึกษาต่างพากันหาที่หลบแดดกันให้วุ่นและรวมถึง ลี ซึงฮยอนคนนี้ด้วย


“สวัสดี!” ซึงรีทักขึ้นท่ามกลางเพื่อนๆชาวต่างชาติที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านโน้ตเพลงอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วก็พยักหน้าตอบรับก่อนจะก้มหน้างุดกลับไปที่เดิมอีก เขาไม่ได้เรียนดนตรีชนิดใดเป็นพิเศษหากแต่ถนัดเล่นเปียโนมากที่สุดแล้วจึงไม่ต้องเพียรพยายามในการจำโน้ตที่วุ่นวายพวกนี้เท่าไหร่นัก


เขาเป็นนักเรียนนอกคอกของที่นี่!


ซึงรีทั้งที่เรียนในมหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนาแต่กลับอยู่ในกลุ่มของเด็กฮิปฮอบ อาร์แอนด์บีและการเต้นบีบอยท่ามกลางกรุงเวียนนาที่ทุกๆ เช้าจะถูกปลุกด้วยเพลงของโมสาร์ท ชาวเวียนนาหลงไหลกับเพลงคลาสสิคมาช้านานแต่ซึงรีมาอยู่ที่นี่กับฮิปฮอบ!


เขาไม่เข้าใจตัวเอง...ทำไมต้องมาเต้นบีบอยไกลถึงขนาดนี้กันนะ


ทุกๆวันเขาจะต้องเข้าเรียนร้องโอเปร่ากับมิสเคิร์ส ซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีทรงผมเป็นมาตรฐานที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้


เกล้ามวยตึงเปรี๊ยะ


จนบางทีเขาเองที่รู้สึกปวดหัวแทนมิสอยู่บ้าง เลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วซึงรีก็ทรุดนั่งลงที่ใต้ไม้ขนาดใหญ่ที่แผ่คลุมเป็นร่มเงาให้นักศึกษากว่าสิบชีวิตได้พักคลายร้อน ซึงรีก็เป็นหนึ่งในนั้น ในมือของเพื่อนคนอื่นมีโน้ตเพลงหลากหลายเพลง แต่ในมือของซึงรีมีโน้ตบุ้คสีขาวของแมคหนึ่งเครื่องแทน เขาไม่ใส่ใจสายตาดูแคลนของนักศึกษาชายที่สวมแว่นหนาเตอะที่กำลังซุบซิบนินทากันให้เห็นต่อหน้าแบบนี้หรอก


ซึงรีกดเปิดเครื่องเพื่อเตรียมติดต่อพูดคุยผ่านแชทกับใครบางคนที่เขาแสนคิดถึง ตลอดเวลาที่เรียนที่นี่คนๆนี้ก็คอยพูดคุยให้เขาคลายเหงาเสมอ


ทง ยองแบ


ใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูใจดี กำลังปรากฏผ่านกรอบสี่เหลี่ยมเล็กในเครื่องแมคบนตักของเขาแล้ว ซึงรีโบกมือพร้อมส่งยิ้มหวานให้คนที่ยู่อีกฝากหนึ่งของโลกผ่านเครื่องมือสื่อสารขนาดกระทัดรัด นิ้วเรียวขาวพรมลงบนคีย์บอร์ดรัวเร็ว


มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ดีครับพี่ยองแบ J หายไปนานเลยอ่า > <
ยองแบครับผม : อ๋อไปตรวจงานที่อินชอนน่ะ ทำไมเหงาเหรอ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : อือ เหงาที่สุดเลย :(
ยองแบครับผม : ขอโทษนะพี่ติดงานจริงๆ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ครับผมเข้าใจ J


ซึงรีส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอีก พี่ยองแบที่รักของเขากำลังง่วนกับการพิมพ์ข้อความมาให้เขา ซึงรีมองภาพนั้นอย่างแสนคิดถึง ยองแบเงยหน้าขึ้นสบตาผ่านเว็บแคมแล้วกดเอ็นเทอร์ส่งข้อความมาให้เขา


ยองแบครับผม : อาทิตย์หน้าจะแวะไปหานะ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : จริงเหรอฮะ ว้าวดีใจที่สุดเลย


ซึงรีฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาวให้ยองแบผ่านเว็บแคม


ยองแบครับผม : งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ต้องเข้าประชุมแทนคุณยาง
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ง่าทำไมได้คุยนิดเดียวเอง


ซึงรีพองแก้มให้ยองแบดู และเขาได้เห็นพี่ยองแบที่รักหัวเราะขำกับความเป็นเด็กของเขา ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง!


ยองแบครับผม : ซึงฮยอนน้อยครับ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราก็ได้เจอกันแล้วนะ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ครับ ผมเข้าใจแล้วฮะ
ยองแบครับผม : ดีมากเอาไว้เจอกันที่เวียนนานะ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : เย้ๆ ดีใจจัง
ยองแบครับผม : ฮ่าๆ แล้วเอาไว้พาพี่ไปเที่ยวด้วยล่ะ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะพาพี่ไปเที่ยวให้รอบเวียนนาเลยดีมั้ยครับ
ยองแบครับผม : OK
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ผมคิดถึงฮยองนะครับ
ยองแบครับผม : พี่ก็คิดถึงนะ


ซึงรียิ้มให้ยองแบเมื่อได้อ่านข้อความนั้น ใบหน้าพี่ยองแบที่เขามองมันแดงก่ำอย่างน่ารัก จนอยากเจอคนที่มองผ่านกรอบเล็กๆ นี้เสียแล้ว


ยองแบครับผม : พี่ไปก่อนนะ
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : ครับ ตั้งใจทำงานนะครับ
ยองแบครับผม : อืม บาย
มักเน่สุดหล่อฮับป๋ม : บะบายคร้าบบบ


ยองแบหายไปจากหน้าต่างสนทนาแล้วแต่ซึงรียังคงนั่งยิ้มกับความคิดของตัวเองอยู่


เขาจะได้เจอพี่ยองแบที่รักแล้วสินะ...


ซึงรีหุบยิ้มไม่ลง อารมณ์ดีถึงขีดสุด พลางฮัมเพลงคลาสสิคแสนหวานที่ได้ฝึกขับเสียงร้องกับมิสเคิร์สอยู่ทุกคาบ เขาไม่รู้ตัวว่าได้ส่งเสียงไพเราะออกไปจนจบเพลงจนกระทั่งเสียงปรบมือชื่นชมยาวนาน รอบๆตัวเขาชายหนุ่มสายเลือดเกาหลีถึงได้รู้สึกตัวแล้วรีบโค้งคำนับด้วยท่าทางสวยงาม


“ขอบคุณคร้าบบๆ” ซึงรีกล่าวกับเพื่อนๆ ที่ส่งยิ้มให้เขารวมถึงเจ้าแว่นหนาเตอะที่นินทาเขาก็ยังส่งยิ้มพร้อมเสียงปรบมือมาให้ ซึงรีเกรงว่าจะรบกวนการท่องโน้ตเพลงของเพื่อนๆ มากเกินไปจึงหลบออกมาจากใต้ต้นไม้ที่แสนร่มรื่นนั้นซะก่อน ชายหนุ่มเดินฮัมเพลงไปตลอดทาง


เขามีความสุขนี่นา


พี่ยองแบกำลังจะมาหาเขาที่นี่


“เฮ้อ...คิดถึงพี่ยองแบจัง” ซึงรีชูมือขึ้นเหนือศีรษะ พลางพูดออกมาเสียงดัง


“เหรอ!! พี่ก็คิดถึงซึงฮยอนน้อยเหมือนกันนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูดังตอบกลับมาจากทางด้านหลัง ซึงรีร่างแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นรูปปั้น ไม่กล้าแม้จะเอี้ยวหน้ากลับมามอง เสียงหายกลับเข้าไปในลำคอไม่สามารถเล็ดลอดคำพูดใดออกมาได้อีก ชายหุน่มเจ้าของเสียงก้าวเดินช้าๆ แต่มั่นคงเข้าไปหาร่างสูงที่แข็งค้างไปทันทีหลังจากได้ยินเสียงของตนเอง จนร่างของเขามาหยุดยืนที่ตรงหน้าของซึงรี


“พี่ยองแบ!!!!” ซึงรีเบิกตากว้าง จับจ้องใบหน้าที่แสนคิดถึงนั้นอย่างงมงาย จนแทบลืมหายใจ...


“ไง ไม่กอดทักทายกันหน่อยเหรอ” ยองแบส่งยิ้มหวานพลางกางแขนทั้งสองข้างกว้างรอ ซึงรีที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนถูกกดสวิตรีบผวาเข้ารัดร่างแข็งแรงนั้นไว้ในอ้อมกอดของเองทันที สี่ปีแล้วที่พวกเขาได้แต่พูดคุยกันผ่านแชท ได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ และได้เห็นรอยยิ้มจากเว็บแคม!


“ฮะๆ ดูนายสิกอดแน่นเชียว จะหายใจไม่ออกแล้วนะ” ยองแบเอ่ยแซวน้องน้อยของเขาที่บัดนี้ร่างกายสูงใหญ่เกินเขาไปซะแล้ว ยองแบลูบแผ่นหลังกว้าง ปลอบโยนให้ซึงรีหายตื่นเต้นดีใจ


“ผมนึกว่า...” ซึงรีระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ที่ใต้ต้นไม้เขายังคุยกับพี่ยองแบผ่านแชทอยู่เลย แต่ตอนนั้นพี่ยองแบอยู่ที่เกาหลีนี่ หรือว่า...


“อืม..พี่อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี่แหละ ตรงนั้นไง” ยองแบชี้นิ้วไปทางตึกเก่าๆหลังหนึ่ง มีหน้าต่างกระจกใสสามารถมองเห็นซึงรีได้ชัดเจน


“มิน่าละครับ ผมก็ว่าทำไมห้องทำงานของพี่ยองแบมันแปลกๆไป” ซึงรีอมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ยอมคลายอ้อมกอดเสียที


“ปล่อยพี่ก่อนเถอะ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหมดแล้ว” ยองแบก้มหน้าก้มตาบอกซึงรีที่ยังยืนยิ้มเหมือนคนดีใจมากจนใกล้บ้า


“ฮะๆ ปล่อยเขาเข้าใจไปสิฮะ ผมว่าก็เข้าใจถูกแล้วนี่นา” ซึงรีขโมยหอมแก้มฟอดเล็กๆจากยองแบ ที่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ


“ทำอะไรน่ะ คนมองกันใหญ่แล้วนะ” เสียงนุ่มเอ่ยโกรธๆ


“ง่า..ก็ผมคิดถึงพี่ยองแบนี่ครับ” ซึงรีส่งสายตาเศร้าให้คนตรงหน้า ยอมปล่อยให้ยองแบออกจากอ้อมกอดไปอย่างเสียดาย “งั้นจับมือกันนะ” ซึงรีไม่รอคำตอบรีบจับมือข้างหนึ่งของยองแบไว้แล้วค่อยๆแทรกนิ้วประสานเข้าหากัน ยองแบก้มลงมองพื้นใบหน้าแดงก่ำ หลบสายตาคมที่จ้องมองเขาเขม็ง


“อื้อ...รีบกลับกันเถอะ” ยองแบบอกเสียงอ้อมแอ้มยังไม่ยอมมองสบตาคนข้างกายเพราะ เขาไม่อยากให้ซึงรีมองเห็นว่าตัวเองอายจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดแล้วทั้งสองจูงมือกันเดินจนถึงหน้าประตูใหญ่ ซึงรีดึงให้ยองแบเลี้ยวออกไปทางซ้ายเพื่อตรงกลับไปที่หอ


“หิวมั้ยครับ” ซึงรีก้มลงถามคนน่ารักที่ยังไม่ยอมสบตาด้วยซะที ได้แต่มองใบหน้าด้านข้างแทน


“นิดหน่อยน่ะ” ยองแบหันมาตอบ สบเข้ากับสายตาหวานของซึงรีที่กำลังบอกความรู้สึกในใจอยู่ มันหวานจนเขาไม่กล้ามอง ใบหน้าร้อนๆ เหมือนจะลุกเป็นไฟให้ได้ยองแบรีบก้มงุดมองปลายเท้าตัวเองอีก ทำไมนะเขาถึงไม่เลิกอายซะที! ยองแบคิดอย่างเซ็งตัวเอง

“พี่ยองแบครับ” ซึงรีเรียกยองแบเสียงหวาน นิ้วเรียวเชยคางของคนตรงหน้าให้เงยขึ้นมองตอบเขาเสียที ดวงตาของทังคู่จับจ้องกันนานแสนนาน มีเพียงเงาของกันและกันที่ปรากฏเป็นภาพในดวงตาของอีกฝ่าย ยองแบรู้สึกว่าภาพตัวเองกำลังขยายใหญ่ขึ้น เรื่อยและสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นชื้นของซึงรี ความนุ่มนิ่มบดเบียด ปัดแผ่วๆ ที่ริมฝีล่างของยองแบ จากนั้นผละออกเพียงเล็กน้อยแล้วกดจุมพิตเบาๆ ลงไปอีกครั้งและอีกหลายต่อหลายครั้ง ยองแบที่ตื่นตะลึงไปกับสัมผัสนั้นพริ้มเปลือกตาลงช้าๆ สองแขนเลื้อยโอบรอบคอร่างสูงที่กำลังโอบกอดเขาอยู่เช่นกัน ความร้อนแผ่กระจายขึ้นมาตามร่างกายและใบหน้า เสียงหอบหายใจน้อยๆ สอดประสานแผ่วเบา ท่ามกลางแมกไม้เวลาบ่ายคล้อย บรรยากาศเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆแล้ว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็แทบจะไม่มีให้เห็นอีก

“พี่ยองแบครับ...”เสียงกระซิบเบาบางชิดริมฝีปากยองแบเรียกระดมขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งกาย อ้อมแขนแข็งแรงรัดให้แน่นขึ้นอีก แต่คราวนี้ยองแบเต็มใจที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเอง


“อืมมม...” เสียงครางรับหวานแผ่วจนซึงรีแทบอยากกระชากให้คนน่ารักในวงแขนนอนราบลงกับพื้นแล้วทาบทับกายลงไปเกลือกกลั้วใบหน้าบนผิวขาวนุ่มแทน ริมฝีปากที่บดเบียดประทับ เม้ม ดูด หาความหวานจนริมฝีปากยองแบราวกับผีเสื้อเชยชมกลีบดอกไม้หอมหวาน


“...ผมว่าพอแค่นี้ก่อนนะ...” ซึงรีกระซิบบอกร่างในอ้อมกอดที่แสนน่ารัก “ไม่อย่างนั้น....ผมอาจลากพี่ยองแบเข้าป่าแถวนี้เอาก็ได้” ซึงรีเอ่ยบอกพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ยองแบนะเหรอได้แต่ก้มหน้างุดซบใบหน้ากับแผ่นอกกว้างของซึงรีเท่านั้นเอง


“ไปเถอะครับผมจะพาไปกินอาหารเย็นที่อร่อยที่สุดในโลก” ซึงรีผละออกแล้วรีบดึงร่างของยองแบไปก่อนที่เขาจะเผลอเหลือบมองแมกไม้หนาทึบด้านข้างที่มีบรรยากาศโพล้เพล้แสนเป็นใจอย่างนี้ ส่วนยองแบพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามไปทั้งที่ก้มมองพื้นไปตลอดทาง ทำไมถึงอายได้ขนาดนี้นะ!! ยองแบเซ็งตัวเองอีกแล้ว หัวใจเต้นโครมครามไม่ยอมหยุดเหมือนจะทะลุผิวหนังออกมาภายนอก ใบหน้าคงสุกเกรียมแล้วพอกันนั่นแหละ ยองแบลอบถอนใจออกมาอย่างยอมแพ้ตัวเอง ซึงรีโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก พอแอบมองใบหน้าด้านข้างก็ดูสมชายมากขึ้นด้วย แววตาหวานยามจับจ้องก็ทำให้ใจสั่นสะท้านได้ทุกครั้งไป ทำกันไมนะ...ยองแบถามตัวเองอีกหลายครั้ง


ขากลับซึงรีพายองแบแวะร้านประจำของเขาก่อนถึงหอพักสามบล็อกถนน มันคือร้านสตู และอาหารแบบดั้งเดิมของเวียนนา ขนมปังฝรั่งเศสกรอบนอกนุ่มในกับสตูข้นๆ สลัดผักชุ่มฉ่ำราดด้วยครีมสลัดเปรี้ยวๆหวานๆ ทั้งสองจบมื้อค่ำแล้วซึงรีก็ลากยองแบกลับไปที่หอพักทันที เมื่อมาถึงในห้องนั้นกลับมีบุคคลที่สามมาอยู่ด้วย


“ไฮฮันนี่ ยูหายไปไหนมา!” สาวทรงโตผมบรอนสลวย ดวงตาสีฟ้าท้องทะเลส่งยิ้มทักทายมาจากเตียงของเขา ร่างกายของเธอแทบจะเรียกว่าเปลือยเปล่าก็ว่าได้ เพราะร่างขาวๆนั้นซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนา

ซึงรีตะลึงมองภาพตรงหน้า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!” ชายหนุ่มอุทานกับตัวเอง มือที่ประสานไว้กับยองแบมาตลอดทางถูกสลัดออกอย่างไม่ใยดี ซึงรีหันไปจะเอ่ยอธิบายแต่คนข้างๆกลับไม่ยอมฟังเขาเลย ยังดีที่พี่ยองแบแค่ผลักเขาจนหงายหลังล้มลงกับพื้น แทนที่จะต่อยอย่างที่นึกกลัวทำไมน่ะเหรอก็เพราะหมัดยองแบหนักเอาเรื่องเหมือนกัน!!


ยองแบมองซึงรีอย่างผิดหวังใบหน้าชาดิกเหมือนถูกตบฉาดใหญ่ เขาดั้นด้นมาที่นี่ทำไม...เวลาช่วงพักร้อนที่หวังว่าจะมาใช้กับซึงรีกลับกลายเป็นแค่ความฝันภายในพริบตาเดียว


“พี่...ฮยองเดี๋ยวก่อน!!!” ซึงรีพยายามลุกขึ้นฉุดรั่งร่างของแบเอาไว้ แต่ก็ลับสายตาลงไปตามบันไดซะแล้ว ซึงรีออกวิ่งตามยองแบเห็นคนที่เข้าใจเขาผิดอยู่เบื้องหน้า


ทำไมนะช่วงขาที่ยาวกว่าของเขาถึงก้าวไม่ทันพี่ยองแบซะที...


ซึงรีกัดฟันวิ่งเร็วขึ้นอีก จนกระทั่งคว้าจับแขนยองแบได้ข้างหนึ่ง ทั้งสองยื้อยุดกันไม่เลิกซึงรีพยายามดึงร่างนั้นมากอดให้ได้พอๆกับที่ยองแบต้องการสลัดหลุดวงแขนนั้นเช่นกัน


“ฮยองฟังผม ฟังผมก่อนสิครับ!!” ซึงรีตะคอกใส่คนตรงหน้า เมื่อยองแบหยุดนิ่งซึงรีได้โอกาสกอดรัดร่างนั้นแน่นเพราะกลัวยองแบจะวิ่งหนีไปอีก “ผมไม่รู้จักเธอนะครับ” ซึงรีกระซิบเสียงสั่นที่ข้างหูยองแบที่หอบจนตัวโยนเช่นกัน


“ฮยองครับ ผมมีแต่ฮยองคนเดียว!” ซึงรีกดซุกใบหน้าลงกับซอกคอ “เชื่อผมนะครับผมไม่เคยมีใครนอกจากทง ยองแบทั้งนั้น” ซึงรียังพยายามอธิบายต่อไปแม้ว่ายองแบจะนิ่งเงียบ


“ฮยอง!!...เชื่อผมนะครับได้โปรด” ซึงรีหมุนร่างนั้นให้มาเผชิญหน้า “ฮยะ...ฮยอง ร้องไห้ทำไมครับ” ซึงรีอึ้งมองหยาดน้ำใสๆ ที่เขาไม่เคยเห็นจากพี่ยองแบมาก่อน มือคอยเกลี่ยหยดน้ำออกจากดวงตาแดงก่ำ ปลายจมูกแดงๆ เบี่ยงหนีสัมผัสแผ่วเบาของซึงรีทุกครั้งไป

“ก็..ก็เค้าอยู่ในห้องนาย บนเตียงนายแล้วจะบอกว่ามไม่รู้จักได้ยังไงล่ะ” เสียงหวานนุ่มของคนตรงหน้าตัดพ้อ ซึงรีประคองใบหน้าใสให้ขึ้นมองเขา ซึงรีจับจ้องดวงตาเรียวคู้นั้นแน่วแน่


“ฮยองดูผมนะครับ ผมรักฮยองคนเดียวจริงๆ เธอคนนั้นผมไม่รู้จัก” ชายหนุ่มพยายามสื่อความใจให้ยองแบ ดวงตาของทั้งสองกำลังสื่อสารกันอีกครั้ง “เชื่อผมนะครับ...”ซึงรีกระซิบเสียงแผ่ว ค่อยๆลดใบหน้าเพื่อประกบจูบยองแบที่เผยอริมฝีปากรอรับสัมผัสอยู่เช่เดียวกัน


“อืม...พี่จะเชื่อนาย อืมม” ปลายลิ้นแทรกไปตามกลีบนุ่มที่แยกออกจากกันแล้วสอดลึกเข้าไปในโพลงปากเพื่อควานหาความหอมหวานเนิ่นนาน ลมหายใจหอบสอดประสานกัน ขณะที่แววตาฉ่ำหวานจับจ้องซึ่งกันและกันซึงรีเงยหน้ามองไปรอบๆ สถานที่คุ้นตาด้านข้างทำให้เขานึกอะไรบางอย่างได้ ฉุดลากยองแบที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องวิ่งตามเข้าไปในพุ่มไม้หน้าด้านข้าง


“นี่...ซึงฮยอน” ยองแบเรียกชื่อชายหนุ่มที่ลากเขาเข้ามาจนลึกผ่านต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย และแสงไฟเริ่มสาดส่องมาไม่ถึง เมื่อเงยมองบนท้องฟ้ามีเพียงแสงจันทร์กระจ่างที่เริ่มลอยเด่นขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี ซึงรีไม่ยอมตอบยังคงมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงริมทะเลสาปที่สะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับงดงามอยู่เบื้องหน้า ซึงรีถึงได้ยอมหยุดลง


“สวยมั้ยครับ...” ซึงรีถามคนข้างๆที่ยืนนิ่งเหม่อมองความงามของธรรมชาตินั้นอย่างตะลึง รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏที่ริมฝีปาก


“สะสวยมากเลย” ยองแบส่งยิ้มให้ซึงรีเหมือนเด็กๆ รอยยิ้มหวานกระตุ้นความต้องการเป็นเจ้าของให้กับซึงรีอักครั้ง เขาดึงร่างยองแบเข้ามากอดแน่นพลางกระซิบคำรักที่ข้างหู หัวใจสองดวงแข่งกันเต้นประสานรัว ริมฝีปากบดเบียดกันเนิ่นนานพอๆปลายลิ้นที่เกี่ยวรัดไม่ยอมให้คลายจากกันได้ง่ายๆ


“อือ...ซึงฮยอนพะพอก่อน” ยองแบครางห้ามเสียงกระเส่า ร่างที่ถูกผลักแนบติดต้นไม้พยายามหลบปลายจมูกซุกซนที่ไล้ไปทั่วใบหน้าของเขา


“ทำไมละครับ...ผมต้องการฮยองนะ” ซึงรีระซิบตอบขบกัดติ่งหูเบาๆ เพื่อเป่าสติของยองแบให้หายไปอีก มือข้างหนึ่งถือวิสาสะล้วงผ่านสาบเสื้อเข้าไปสัมผัสผิวกายภายใน ยองแบกระตุกเฮือก พยายามต่อต้านแต่ซึงรีงชิงรวบข้อมือไว้เหนือศีรษะเสียก่อน


“อื้อออ” เสียงครางประท้วงไม่มีผลต่อซึงรีที่หน้ามืดไปด้วยแรงอารมณ์แล้ว เขาคิดเพียงต้องการสูดดมกลิ่นกายที่แสนคิดถึง สัมผัสทุกๆที่บนร่างกายนี้เท่านั้นเอง

“ซึ-ซึงฮยอน อึก!” ยองแบปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นออกมาอีก ซึงรีรีบปล่อยข้อมือที่ยึดไว้ให้เป็นอิสระแล้วดึงร่างยองแบมากอดปลอบ


“ขอโทษครับ ผม...ผิดไปแล้ว” ซึงรีลูบศีรษะคนในอ้อมกอดที่หลั่งน้ำตาออกมา ชายหนุ่ม ลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นอย่างปลอบประโลม


“ผมไม่ทำแล้วนะฮะ ฮยองหยุดร้องนะครับ” ซึงรีปาดเช็ดน้ำตาจนแห้งเหือด “ไม่เอานะครับ ผมรักฮยองนะ” ซึงรียิ้มให้ยองแบ


“ขอโทษนะที่พี่...” ยองแบซุกใบหน้ากับอกกว้างอีกครั้ง “พี่กลัวน่ะ อย่าโกรธนะ” ยองแบโอบแขนรอบเอวของซึงรีแน่น ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างยินดีที่ใหนที่สุดยองแบก็ยอมรับเขาเข้าไปเต็มหัวใจซักที


“ผมไม่มีวันโกรธฮยองหรอกครับ ก็ผมรักฮยองนี่” ซึงรีจุมพิตหน้าผากมน


“อื้อ...” ยองแบก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ทั้งที่บริเวณนี้ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ แต่แสงจันทร์ก็ขับกล่อมให้คู่รักสามารถแลกจุมพิตกันอย่างยาวนานและอ่อนหวานอย่างที่สุด

ซึงรีมอบความรักและอ่อนโยนให้ยองแบจนหมดสิ้นตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่า ใครคือคนที่เขาไม่สามารถขาดได้ สี่ปีมันนานเกินไปสำหรับการแยกจากนับแต่นี้ไปเขาจะไม่มีวันห่างพี่ยองแบไปไหนอีกแล้ว...เขาสัญญากับตัวเอง!





ขอบคุณนะครับพี่ชเว ซึงฮยอน


ซึงรีพึมพำในใจ เขาอยากขอบคุณพี่ใหญ่ที่คิดแผนนี้นี้ขึ้นมาเพื่อให้เขาได้รับความรักและไว้วางใจจากพี่ยองแบทั้งหมดสักที


...ส่วนผู้หญิงคนนั้นพี่ซึงฮยอนเอาไปจัดการเองแล้วกันครับ...แต่เคลียร์พี่จียงเอาเองนะ


“รักพี่ยองแบที่สุดนะครับ” ซึงรีเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วแล้วกระซิบถ้อยคำหวานให้แก่คนในอ้อมกอด...



○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○ВДЕ♂ЯЇ○♥○♥○♥○♥○♥○♥○♥○

BigBang: We belong together...[ Kwon Ji Yong]

BigBang: We belong together...[ Kwon Ji Yong]


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



Kwon Ji Yong : ผมพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากเงื้อมมือมาร เจ้าบ้า ชเว ซึงฮยอน อย่าให้พ่อหลุดไปได้นะจะเอาไม้หน้าสามฟาดให้สลบไปซักสามเดือนเลย


อะอุ๊ก!!


ลิ้นที่สอดลึกเข้ามาในปากทำให้สมองอันชาญฉลาดเริ่มประมวลผลอะไรไม่ได้ เรี่ยวแรงมากมายหายไปเหมือนถูกสูบออกจากร่างผ่านริมฝีปากแดงๆของซึงฮยอน ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช็อตจนร่างกระตุกเฮือกทุกครั้งที่มือร้อนๆ ข้างนั้นลูบผ่าน เปลือกตาหนักอึ้งเกินกว่าจะได้ขึงดุใส่ซึงฮยอนเพื่อคาดโทษหมอนั่น แต่มันคงไม่ได้สนใจหรอก เพราะซึงฮยอนที่ลดกายต่ำลงไปที่กลางลำตัวทำเอาผมไหวเยือกอย่างหวาดกลัวและคาดหวังในเวลาเดียวกัน เพราะผมรู้ว่าความรู้สึกสุดยอดนั้นเป็นอย่างไร


“มะไม่...ซึงฮยอน อย่า!” เสียงอ่อนแรงของผมพยายามประท้วงการกระทำของหมอนั้น กางเกงผ้ากำลังไหลลื่นไปตามขาทั้งสอง ผมเหลือกตาขึ้นมองซึงฮยอนที่ยิ้มเหมือนคนบ้าอย่างตกใจ หมอนี่มันเอาจริง!!!


“เฮ้ยยย!!~ อย่านะไม่เอา” ผมพยายามกระชากกางเกงที่รักกลับคืนมาที่เดิมแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อเจ้าซึงฮยอนรูดออกจากขาทั้งสองข้างของผมไปแล้ว ร่างกายผมที่เปลือยเปล่าเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวจ้อยที่ปิดบังลูกชายสุดที่รักเอาไว้ สายตาโลมเลียของซึงฮยอนจับจ้องเขม็งจนผมหดไปเหมือนกัน


“ซะซึงฮยอนนนนน” ผมเรียกชื่อหมอนั่นหวังเตือนสติก่อนมันจะหน้ามืดมาทะลวงด่านสุดท้ายของผม


ฟุ่บ!!!!!!!!!!!!!!!!



เสียงสุดท้ายที่บ่งบอกว่าชิ้นส่วนที่ปิดบังลูกชายได้หลุดลอยไปอีกชิ้นแล้ว
ซึงฮยอนเคลื่อนกายแทรกมาระหว่างขาทั้งสองข้างของผมแม้พยายามดิ้นหนีเท่าไหร่เหมือนจะซึงฮยอนจะตามติดมาเหมือนเงา



ม่ายยยย...



ผมส่ายศีรษะ รู้สึกถึงความกลัวของตัวเอง กลัวสายตาของซึงฮยอนที่จับจ้องร่างกายของในเวลานี้ กลัวความรู้สึกของตัวเองที่ขัดแย้งกับจิตใจ ร่างกายสั่นสะท้านไปกับสัมผัสรุกเร้าของคนที่ทรงกายเหนือกว่า ความเสียวซ่านปรากฏขึ้นทุกที่ๆ ซึงฮยอนแตะต้อง ปลายลิ้นร้อนๆ ลวกผ่านผิวกายบริเวณท้องน้อยจนผมต้องแขม่วเกร็งเอาไว้ทั้งพยายามกลั้นเสียงครางอย่างยากลำบาก มือใหญ่เอาแต่บีบเคล้นหน้าขาที่เหมือนไม่ใช่ขาของผม มันไร้เรี่ยวแรงและเหลวเป๋วไปหมดหากต้องยืนผมคิดว่าคงทำไม่ได้แน่


“อื้อออ...” เสียงครางลุดออกจากริมฝีปาก ผมซุกหน้ากับหมอนเพื่อระงับความอับอายนั้นเอาไว้ไม่อยากมองเห็นถึงรอยยิ้มของเจ้าบ้านั่น ไม่ต้องพอใจขนาดนั้นก็ได้โว้ยยย...



“นายชอบแบบนี้เหรอ...” ซึงฮยอนเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงกัดเบาๆที่ยอดอกและกำลังเต้นระริกรอคอยการสัมผัสนั้นอีก ทั้งที่รู้สึกดี อยากคล้อยตามไปกับสัมผัสนั้น แต่น้ำตาที่หยุดไม่ได้ของผมกลับไหลลงอาบแก้มจนเปียกชุ่ม


เจ็บใจ!! ที่ตัวเองยินดีไปกับรสชาติที่ซึงฮยอนปรนเปรอ


เกลียดตัวเองที่พอใจแบบนั้นจริงๆ...



ผมกลั้นเสียงครางเอาไว้เมื่อรับรู้ความอบอุ่นที่กำลังกระตุ้นแก่นกายร้อนๆของตัวเอง มันคงขยายใหญ่จนน่าเกลียด มันน่าเกลียดที่เกิดความรู้สึกกับผู้ชายตรงหน้านี้


ชเว ซึงฮยอน!!


เค้ามีอำนาจเหนือร่างกายผมไปแล้ว...ปลายลิ้นร้อนๆ ยังลากผ่านท้องที่บิดเกร็งของผมลงสู่เบื้องล่าง


“มะไม่นะ!!” ทั้งที่ร่างกายรอคอย แต่ปากกลับรีบปฏิเสธเมื่อซึงฮยอนไล้ริมฝีปากเหนือความเป็นชายของตัวเอง ผมผงกศีรษะขึ้นมองซึงฮยอน หมอนั่นมันส่งยิ้มกวนให้ผม สายตาเข้มด้วยแรงปราถนาจับจ้องผมเอาไว้เหมือนซาตาน จนไม่กล้าแม้แต่หายใจ สายตาที่บอกผมว่า นายคอยดูให้ดีจียง! ทำให้ผมไม่กล้าหลบตามองไปทางอื่นได้แต่เบิ่งตามองการกระทำแสนเนิบช้าอย่างสุดทรมาน...


ซึงฮยอนก้มลงตามเดิมไล้ปลายลิ้นแทนมือที่โอบอุ้มแท่งเนื้อไว้ในทีแรก ทันทีที่ปลายลิ้นแตะสัมผัสร่างกายที่ตื่นเต้นยินดีก็สั่นสะท้านจนรู้สึกได้ ผมยังจ้องมองซึงฮยอนที่ค่อยๆไล้เรียวลิ้นจากส่วนปลายที่มีหยาดน้ำใสเอ่อคลอค่อยดูดกลืนมันเข้าปากแดงเรื่อนั้นจนมิด



“อ้า..อ๊ะ!!” ผมเผลอครางรับอย่างพอใจ และไม่สามารถหยุดมองริมฝีปากที่ขยับรูดขึ้นสลับลงอย่างเนิบช้านั้นได้เลย ตอนนี้ผมเลิกคิดแล้วว่าตัวเองน่ารังเกียจขนาดไหนที่ยอมรับสัมผัสที่น่าอายนี้จากผู้ชายคนนี้ ในใจลึกๆยิ่งไม่อยากยอมรับว่าพอใจมากกว่ายามโอบกอดร่างกายอ่อนนุ่มของผู้หญิงหรือแชยองก็ตาม


เชว ซึงฮยอนมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้ผมทุกครั้ง แม้ไม่เคยเต็มใจ แต่ไม่กล้าปฏิเสธว่าไม่พอใจ!


“อือออ...” ซึงฮยอนขยับเพิ่งจังหวะขึ้นอีก พร้อมเหลือบสบเข้ามองตาผมที่จ้องเขาทุกการเคลื่อนไหว สายตาคมหลุบกลับไปที่เดิมอีกครั้งและยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านให้ผมด้วยการรูดขึ้นมาจนถึงปลายและดูดเม้มแรงๆ ส่วนหัวที่เป็นสีเข้มจัดมันกำลังปริเปล่งเหมือนจะระเบิดอยู่เต็มที่แล้ว ปลายลิ้นร้อนยังไล้เลียชิมรสชาติของผมอยู่จังหวะของซึงฮยอนให้ความรู้สึกสมใจ ไม่รู้มันไปฝึกกับใครมา...


“นายเลิกคิดฟุ้งซ่านน่า...” เสียงใหญ่ของไอ้บ้านั่นกระชากผมกลับคืนสู่ปัจจุบันอีก ตอนนี้ซึงฮยอนใช้มือขยับรูดแทนริมฝีปากที่กำลังคล้อยต่ำลงมา



เฮ้ยยยยย


ผมผวาเฮือกที่ซึงฮยอนทำท่าว่าจะจู่โจมริมฝีปากผมอีก ก็มันเพิ่งจะ...กับน้องชายผมไปอ่ะ ผมไม่ได้พิศวาสรสชาติตัวเองหรอกนะ ไม่เอ้า!!!! ผมพยายามเบี่ยงหลบเต็มที่แต่แรงบีบที่ท่อนล่างทำให้ต้องเผยอสูดปาดครางออกมา

“อา...อื้อ” สุดท้ายซึงฮยอนก็ได้จูบผมจนพอใจ ลิ้นเราเกี่ยวกระหวัดจนแทบหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน ตอนนี้ผมโยนความรู้สึกผิดชอบทิ้งไปไกลแล้วในสมองสั่งการให้จูบตอบเร่งร้อนยาวนานเพื่อสนองความรู้สึกที่อัดอั้นแทบระเบิดของตัวเอง...


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



ไม่....ความคิดนี้วาบเข้ามาอีก


“อยะอย่าซึงฮยอน”ผมพยายามผลักใบหน้าออกไปห่างๆ แต่แขนอ่อนปวกเปียกไม่ช่วยให้ได้ทำอย่างที่คิดเลย


“อย่าทำแบบนี้ ขอร้อง!!” ผมบอกซึงฮยอนปนเสียงสะอื้น “อื้อ...มะไม่นะ” ก่อนที่ตัวเองจะหลงวนไปกับพายุตัณหาผมรีบเตือนทั้งตัวเองและซึงฮยอน



“นายก็รู้สึกดี อย่าหลอกตัวเองจียง...ฉันจะกอดนาย”ซึงฮยอนกระซิบเสียงกระเส่า ผมหยุดพูดเพราะคงไม่สามารถห้ามซึงฮยอนและตัวเองได้อีกแล้ว ท้องผมบิดเกร็งทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนคลื่นใกล้ทะลายออกมานอกกำแพง ซึงฮยอนเร่งจังหวะที่มือให้เร็วกว่าเดิม ร่างกายผมแทบทุกซอกทุกมุมได้รับการสัมผัสจากริมฝีปากนั้น


“จะทนไม่ไหวแล้ว...”เสียงซึงฮยอนแหบกระเส่ามาก ผมรู้สึกถึงท่อนเนื้อขนาด...!! กำลังถูกับท่อนขาข้างหนึ่ง


ผมอยากดิ้นหนีการกระทำนั้นของหมอนั่นแต่มือของซึงฮยอนกำลังจะทำให้ผมไปสวรรค์! ผมคิดไม่ออก เลือกไม่ถูก รู้แต่ว่า สมองหมุนติ้วราวกับลอยคว้างออกนอกวงโคจรโลก ดวงตาพร่าพรายไปชั่วขณะหนึ่งและโลกสว่างจ้าจนไม่สามารถจับจ้องอะไรนอกจากแสงสีขาว...


“อ๊า!!” ร่างพลันโล่งสบายพร้อมกับการกระตุกร่างเฮือกใหญ่ ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆของตัวเองที่ไหลเปรอะเปื้อนหน้าท้อง ใบหน้าซึงฮยอนลอยอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่แดงก่ำ คิ้วเข้มขมวดอย่างข่มกลั้น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง พยายามกลั้นกับความต้องการของตัวเองเต็มที่ ผมมองแล้วได้แต่คิดว่า


ฉันเห็นใจนายนะซึงฮยอน


แต่...แบล็คเวอร์จิ้นของฉันนายอย่าเอาไปจะได้มั้ย


เมื่อได้ปลดปล่อยเรี่ยวก็เริ่มมาผมผลักสุดกำลัง เวลาผู้ชายหื่น มักจะมีแรงมากกว่าเดิมสิบเท่า...อันนี้ผมเห็นด้วยสำหรับเจ้าซึงฮยอนที่กำลังดึงทึ้งเสื้อผ้าเองออกอย่างน่ากลัว มันจะรีบไปไหน ผมกลัว...ผมมองเจ้านั่นจัดการตัวเองจนเหลือแค่ยีนส์ที่ปลดกระดุมแล้วทุกเม็ด!


“เฮ้ย!!!” ผมตะกายร่างหนีก่อนจะโดนพายุหื่นโหมใส่ ซึงฮยอนคร่อมร่างผมเอาไว้ไม่เหลือทางรอดให้อีก


“อื้อออ...พะพอ อุ๊ฟ” ผมถูกประกบปิดกลั้นเสียงประท้วง ซึงฮยอนดุนดันลิ้นกลับเข้ามาอีกจนได้ ผมไม่ยอมเคลิ้มตามง่ายๆอีกแล้ว (ขึ้นสวรรค์คนเดียวแล้วนิ) ซึงฮยอนใช้มือข้างหนึ่งดันขาผมให้แยกออก โอ้...ม่ายยยยยยย ผมตะโกนร้องในใจ ดวงตาเบิกโพลงเพราะความกลัวเกาะกุมสมองและจิตใจผมไปหมดแล้ว ร่างกายแข็งเกร็งจนเหมือนท่อนไม้


“ชู่ววว...ใจเย็น” บ้านแกสิ! ใครจะใจเย็นได้วะจะโดนทิ่มตูดอยู่แล้วไอ้บ้าผมอยากด่ามันออกไปอย่างนั้น แต่ปากไม่ว่าง เจ้านั้นมันเล่นไม่ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระเลย ผมพยายยามใช้เท้าเตะเข้ากับลำตัวหนาของซึงฮยอน แต่...


!!!!!!!....สัมผัสเย็นๆจากปลายนิ้วมือกำลังไล้แผ่วเบาที่ตรงนั้น...ผมกระตุกร่างถอยห่าง หวาดกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึงฮยอนบดจูบหนักหน่วงไม่ให้ผมได้คิดอะไรอีก แต่ตอนนี้แค่คิดน้ำตาแทบไหล ...กลัว!!! คือสิ่งเดียวที่ดังก้องกังวานในสมองผม


“จียง จียง...ฉันรักนาย”
“จียง จียง...ฉันรักนาย”
“จียง จียง...ฉันรักนาย”
“จียง จียง...ฉันรักนาย”
“จียง จียง...ฉันรักนาย”
“จียง จียง...ฉันรักนาย”


ซึงฮยอนกระซิบคำๆนั่นอยู่ข้างหู ผมตะลึงจนลืมนึกถึงนิ้วยาวที่กำลังแทรกเขามาในร่างของตัวเอง!!


“อะโอ้ยยยย” ผมแหกปากลั่น “มะไม่เอาออกไปซึงฮย...อื้อออ” เป็นซึงฮยอนที่ปิดกลั้นเสียงผมเอาไว้อีก ความอึดอัดทรมานรุกรานด้านหลังช้าๆ ซึงฮยอนขยับนิ้วเป็นหวะๆ ในสมองผมมีแต่ความหวาดกลัวกับคำบอกรักจากคนที่ทาบทับอยู่...


“จะเจ็บ...อื้อ...”นั่นเป็นคำสุดท้ายที่ผมมีโอกาสได้พูด เพราะทุกครั้งที่ผมจะส่งเสียงอะไรออกมาเจ้าบ้านั่นจะต้องปิดปาก(ด้วยปากของมัน)ผมทุกครั้งไป ที่ยอมให้เล็ดลอดมามีแค่เสียง...


“อา!....อือ...อึ้ก!!!” ...ครางเท่านั้น T^T ผมที่พยายามเอาตัวรอดมากแค่ไหนก็ไม่พ้นที่นิ้วเจ้าซึงฮยอนยังขยับเป็นจังหวะเพิ่มความเจ็บแสบทุกการเคลื่อนไหว นี่แค่นิ้ว! ผมยังแทบตายถ้าเป็น...ของซึงฮยอนผมคงได้ตายจริงๆ (เว่อร์)

ผมรู้สึกว่านิ้วที่สอดอยู่ในร่างมันเพิ่มขึ้น...ซึงฮยอนยังคงทำหน้าน่ากลัวเหมือนเดิม ตอนนี้ผมหมดแรงสู้แล้ว สำนึกว่าคงไม่รอดแน่! ความเจ็บแสบจากตรงนั้นเตือนให้ผมต้องเกลียดซึงฮยอน...


“จียง จียง...ฉันรักนาย” ...แต่คำนี้ ทำให้ผมต้องซุกหน้าลงกับหมอนใบโต ไม่รู้ว่าควรจะโกรธ เกลียด หรือ อายดี...ในที่สุดการทรมานทางร่างกายก็สิ้นสุดลง ผมแอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก แต่...ผมคิดผิดเพราะแค่เสี้ยววิผมก็บางได้สิ่งมาแทนที่...ทรมานมากกว่า ของจียงที่จ่อเข้ามาช้าๆ กดส่วนปลายเข้ามาที่ด้านหลังผมแม้พยายามขยับหนี ซึงฮยอนกลับจับข้อเท้าทั้งสองข้างของผมเอาไว้เหมือนรู้ทัน...ผมว่ามันคงทำกับผู้ชายแล้วแน่เลยถึงเชี่ยวขนาดนี้


“อั้ก!!!...อะเอาออกไป ฮือๆ” ผมแหกปากร้องปล่อยน้ำตาออกมาอีก วันนี้ผมเสียน้ำไปเยอะนะเนี่ย...ผมรู้สึกถึงของจียงที่แทรกเข้ามารวดเดียวทั้งหมด ช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดกำลังรุกคืบเข้ามาหาผม ความชาที่เริ่มคลายลงมีแต่ความปวดเข้ามาแทนที่รู้สึกแต่ว่าที่ตรงนั้นเต้นตุบๆ


“จะจี ซื้ดดดดดดด...” เสียงใหญ่ครางชื่อผมออกมา ซึงฮยอนค้างอยู่ในท่านั้นนานพอสมควร ผมเอาแต่ซุกหน้ากลั้นความเจ็บเอาไว้เพราะไม่อยากให้ไอ้บ้านั่นสมใจ!


“จียง...อา ของนายดีจังเลย...” ซึงฮยอนครางบอกผมแล้วเริ่มขยับหามุมเพื่อให้มันเข้าที่เข้าทาง แล้วจังหวะเนิบๆ ก็ตามมาเพื่อเพิ่มความเจ็บทรมานให้ผมอีก ทุกครั้งที่ซึงฮยอนขยับผมอยากสลบไม่เรื่องรู้ราวให้มันจบๆซะที รู้แต่มันปวดแสบปวดร้อนมาก ครึ่งล่างเหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป...ซึงฮยอนขยับเป็นจังหวะอยู่พักใหญ่ร่างผมสั่นสะเทือนทุกครั้งที่แรงกระแทกนั่นปะทะเข้ามา น้ำตาไหลพรากไม่ได้ช่วยให้หายเจ็บเลยซักนิดแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงไม่ยอมหยุดไหล


“จียงจียงจียง!!!” ซึงฮยอนกัดฟันเรียกชื่อผมอีกกระตุกร่างและเกร็งค้างอย่างนั้น แล้วน้ำอุ่นๆก็ไหลเข้ามาในร่างกาย อุ่นวาบเข้าไปถึงท้องน้อยรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ทะลักเข้ามาไม่ขาดสาย ซึงฮยอนยังส่งแรงกระแทกเข้ามาอีกก่อนจะนิ่งไปพร้อมกับฟุบร่างลงบนตัวผมที่นอนแข็งเกร็งอยู่เหมือนเดิม...


“ออกไป!!!” ผมกัดฟันตะคอกใส่คนที่นอนแช่อยู่บนตัวผม ซึงฮยอนยันกายขึ้นมองหน้าแต่ผมไม่ยอมมองตอบหรอก เกลียดหน้ามันมาก


“อืม...”หมอนั่นรับคำง่ายมาก และค่อยๆถอนกายอันใหญ่โตออกไป ผมสะดุ้งเฮือกเพราะมันเจ็บและแสบเข้าไปถึงสมองเลยครับ ของเหลวเหนียวเหนอะที่ไหลตามออกมาตอกย้ำความน่าสมเพชให้ผมอีก ทั้งที่พยายามกัดฟันลุกขึ้นพยุงกายตัวเองขึ้นแต่แรงก็หายไปหมด ผมอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอเฝ้าแต่ถามตัวเอง ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่สู้แรงผู้ชายไม่ได้ ทำไม...แล้วผมจะเกิดมาเป็นผู้ชายทำไมวะ!! คิดแล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีก เจ้าซึงฮยอนนั่งนิ่งเอาแต่มองผมที่กระดึ๊บๆ ไปที่ข้างเตียงหวังจะพาตัวเองไปห้องน้ำเพื่อล้างคราบทุเรศๆ ออกจากร่างกาย ทุกครั้งที่ขยับเหมือนตรงนั้นโดนเสียดแทงจนไม่อยากขยับอีกได้แต่นอนนิ่งที่ริมเตียง ยอมแพ้แล้วตอนนี้ผมมันไร้ค่า ไร้เรี่ยวแรง ต่อสู้กับตัวเอง และปีศาจที่บังคับกอดร่างกายผม และปีศาจตัวนั้นก็เดินมาอุ้มผมเข้าไปห้องน้ำ แม้อยากประท้วง แต่ผมต้องการไปที่ห้องน้ำจริงๆ เลยได้แต่เฉยปล่อยให้ซึงฮยอนทำความสะอาดร่างกายผมอย่างเบามือ ระหว่างเรามีแต่ความเงียบปกคลุม บอกตามตรงตอนนี้ผมไม่อยากพูดกับเจ้าบ้านั้นเลย ไม่อยากมองหน้ามัน(แม้ว่าจะหล่อแค่ไหน) ผมเลยเลือกที่จะมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่ซึงฮยอน


ซึงฮยอนอุ้มผมกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง และจัดการใส่เสื้อผ้าให้เสร็จสรรพตัวหมอนั่นเองก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย พอผมเอนลงที่เตียงก็สัมผัสถึงผ้าปูที่นอนที่เปียกชื้น ผมรู้ว่านั่นคืออะไร จึงขยับหนีมันอย่างรังเกียจเพราะไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้ว ตอนนี้ใจผมเหนื่อย ร่างกายผมเจ็บปวด ผมไม่อยากคิดแล้วว่าซึงฮยอนทำแบบนี้เพื่ออะไร...คำรักนั้นใช้เพื่อที่จะครอบครองร่างผมยังงั้นหรือเปล่า...ผมเลิกฟุ้งซ่านและปิดตาลงหวังเหลือเกินว่า พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อกี้จะเป็นแค่ความฝัน...ร่างซึงฮยอนลดลงเคียงข้างพร้อมกับเอื้อมแขนมาโอบกอดเอาไว้ ผมไม่มีแรงขัดขืนต่อต้านแล้วจริงๆ เลยปล่อยให้มันกอดจนพอใจ ผมเลิกหวังแล้วหลับตาลงเพื่อลบรอยเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้นลืมออกไป...บ้างก็ยังดี



▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

BigBang: We belong together...[ Choi Seung Hyun]

BigBang: We belong together...[ Choi Seung Hyun]


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

Choi Seung Hyun: ผมวางถาดอาหารอย่างเบามือเพราะกลัวว่าคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาโวยวายใส่ ผมมองสำรวจอาหารฝีมือตัวเองอย่างพอใจที่หน้าตามันออกมาดูดีมีสกุลกว่าที่คาดคิด อ้อ! รสชาติผมก็ว่าอร่อย(ของผม)อยู่เหมือนกันนะ ผมยิ้มกริ่มเป็นปลื้มกับฝีมือการทำอาหารตัวเองเสร็จก็เดินไปนั่งลงข้างๆ จียงที่หลับสนิทใบหน้าอิดโรยขอบตาคล้ำยิ่งเห็นเด่นชัดเมื่อมันปรากฏบนหน้าขาวใส ปลายนิ้วที่เอื้อมไปไล้เบาๆที่ร่องรอยของคราบน้ำตาทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าชั่วโมงก่อนหน้านี้.........................................................................................................................................................................................................................
.....................................................
..............................
.............
........
.....
...
.


“พวกนายเหลือกับข้าวไว้ให้ฉันกับจียงด้วยไม่งั้น...ตายแน่” นั่นเป็นคำพูดทิ้งท้ายของผมบนโต๊ะอาหารเย็นจากนั้นผมก็ถือวิสาสะลากข้อมือควอน จียงตามขึ้นมาด้วย และน่าแปลกที่หมอนั้นไม่มีท่าทีขัดขืน หรือจะทำใจยอมรับผมแล้ว!! ผมแอบหวังอยู่ลึกๆว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน...ผมไม่สนแล้วว่าจียงจะอยู่ในอาการแบบไหนในที่สุดผมก็ลากคนตัวเล็กกว่ามาจนถึงห้องของเค้านั่นแหละ ผมผลักร่างของจียงเข้าไปก่อนแล้วค่อยเดินตามเข้าไปพร้อมล็อกประตูเผื่อเอาไว้...


“นายเป็นอะไรไป...” ผมถามออกไปเหมือนคนปัญญาอ่อนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจนั่นแหละว่าจียงเป็นอะไร


เค้าคงเกลียดผม!


ใช่ผมมันเลวแต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้สัมผัสคนที่ผมรักก็แล้วกัน หึหึ ผมเดินไปสวมกอดจียงจากด้านหลังจียงไม่ได้ปัดออกหรือต่อต้าน จียงที่เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ใจผมเจ็บปวด


“ได้โปรดจียงนายจะให้ฉันทำยังไง!!” ผมกระชากร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน จ้องมองใบหน้าจียงที่ยังเรียบสนิท เฉยชาราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจการกระทำของผมแม้แต่น้อย “จียง...” ผมครางชื่อของเขาออกอย่างหมดแรงส่งสายตาอ้อนวอนให้คนในอ้อมแขน


“นายไปจากชีวิตฉันได้มั้ย!” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมาจากริมฝีปากคนที่ผมสวมกอดไว้ เป็นประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินเลยซักนิด “อย่าเข้าใกล้ฉันอีกได้รึเปล่า...” เสียงแหบพร่าของเค้ากระชากจิตใจผมให้จมดิ่งไปกับความปวดร้าว ผมส่ายศีรษะพยายามสะกดความเจ็บปวดเอาไว้


“ได้โปรดจียง...ฉันไปจากนายไม่ได้” ผมกระซิบตอบร่างบางในอ้อมกอดกระชับวงแขนแนบแน่น กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปจริงๆ กลัวว่าจะทนเห็นสายตาของจียงที่มองผมอย่างเกลียดชัง


“ทำไม...” จียงครางเสียงแผ่ว “ฉันทำอะไรให้นาย” จียงถามคำถามที่ผมไม่เข้าใจ “ฉันแค่ไม่ชอบหน้านายแค่นั้น นายต้องแก้แค้นด้วยวิธีนี้เลยเหรอ” จียงยกมือขึ้นปิดหน้ากลั้นเสียงสะอื้นไห้จนตัวโยน ผมไม่กล้าคลายอ้อมกอดเลย เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าที่เปียกชุ่มน้ำตาที่ผมเป็นคนทำให้มั้นเกิดขึ้น ทุกอย่างที่จียงเสียใจเป็นเพราะผมคนเดียว


“ไม่ใช่!!” ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ “นายเข้าใจผิดทั้งหมด!...ฉัน” ผมตั้งใจจะพูดให้จบ อยากบอกความในใจออกมาเดี๋ยวนั้นเลย แต่จียงที่จู่ๆก็เริ่มกระชากตัวเองออกจากอ้อมกอดของผมทำให้เก็บกลืนคำพูดนั้นกลับเข้าไป

“ปล่อยยยย!!” จียงตะโกนเสียงลั่น เพราะหยาดน้ำอุ่นๆ ที่หยดลงบนแขนทำให้เรี่ยวแรงที่จะรั้งร่างนั้นเอาไว้ในอ้อมกอดต้องคลายออกในที่สุด จียงหันมาปล่อยหมัดใส่ใบหน้าผม ความเจ็บแค่นี้คงเทียบไม่ได้กับความเจ็บที่ใจของเค้าเลย ผมปล่อยให้จียงอาละวาดใส่ผมเต็มที่หมอนั่นทั้งต่อยทุบตีร่างกายและผลักจนผมถอยไปติดประตู จียงจึงได้ยอมสงบลงร่างบางหอบเหนื่อยพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ แต่ผมเฝ้ามองใบหน้าจียงที่เปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ตลอด ไม่อีกแล้วผมไม่อยากละสายตาจากเขาเป็นครั้งที่สองแน่นอน...


“ทำไมนายถึงไม่ตอบโต้ฉันเล่า คิดว่ายอมให้ฉันต่อยแค่นี้ฉันจะยอมยกโทษให้นายเหรอไงวะ” จียงสบถใส่ผมเสียงดัง ร่างบางเดินมาตะคอกใส่หน้าผมพร้อมกับกระชากคอเสื้อจนยืดผมกล้วว่ามันจะคอย้วยเหมือนกัน


“ปล่อยเถอะ!” ผมบอกคนตรงหน้าเสียงนุ่ม... เพราะว่าเสื้อตัวนี้แพงว่ะ! ผมคิดต่อแบบตลกฝืดในใจ ผมอมยิ้มเมื่อจียงเริ่มกลับมาเป็นจียงคนเดิมที่ปากดีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการยิ้มของผมมันจะทำให้จียงโมโห ซึ่งผมไม่เข้าใจหรือหน้าผมมันกวนโอ้ยหรือยังไง...


“ยิ้ม!! นายยิ้มทำไมวะ” จียงยิ่งกระชากคอเสื้อผมแล้วขยุ้มไว้ซะแน่น ผมเริ่มหายใจไม่ถนัดเอาเถอะแรงเท่ามดตะนอยไม่ทำให้ผมตายหรอก ผมค่อยๆแกะมือจียงออกจากคอเสื้อ แล้วยิ้มให้คนตรงหน้าอีกผมไม่ได้อยากยั่วนะ ...แค่ดีใจที่จียงกลับมาโวยวายเหมือนเดิมได้แล้วเท่านั้นเอง หึหึ


“โว้ยยยไอ้บ้านี่จะยิ้มหาสวรรค์วิมานอะไรวะ!!” จียงยังตะคอกใส่ผมเสียงดัง พลังเสียงนายสุดยอดมากที่รัก ว่าแต่เรามาแรปคู่กันเถอะ! ผมรู้สึกว่ามุมปากตัวเองมันยกขึ้นอีกอย่างกลั้นไม่อยู่ ก็มันอยากยิ้มอ่ะแต่ทำไมจียงถึงโมโหผมเองก็ไม่เข้าใจ ผมจับข้อมือจียงไว้ทั้งสองข้างกางออกห่างจากลำตัวแล้วดึงรั้งจนร่างจียงแนบติดกับผมไปทุดสัดส่วน...จียงที่นิ่งงันไปในตอนแรกเริ่มดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมได้ทีก้มลงสูดกลิ่นกายหอมหวานของเค้าไปเต็มปอดสองมือก็ผละจากข้อมือจียงแล้วมาสวมกอดร่างบางเอาไว้แทน จียงพยายามดิ้นจนเหนื่อยหอบแต่ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดนั้น จียง...ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้ว!! ผมสัญญากับตัวเอง...


“ปล่อยได้แล้ว!! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย” จียงโวยวายใส่ผมอีก “เลิกกอดฉันซักทีขยะแขยง!” จียงกระชากเสียงใส่แต่ผมไม่ได้ถือสาเลยซักนิดกลับส่งยิ้มที่มุมปากให้จียงอยู่อย่างนั้น จียงกระชากตัวออกจากอ้อมกอดผมสำเร็จอันที่จริงเพราะเห็นว่าจียงเหนื่อยแล้วเลยปล่อยให้ไปง่ายๆ จียงเดินไปที่เตียงนั่งลงแล้วเริ่มดึงทึ้งผมตัวเองเหมือนคนเป็นโรคประสาท


“เป็นอะไรไปอีก ฮึ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ มือที่ว่างก็ถือโอกาสโอบรอบคอจียงไว้หลวมๆ จียงหันมามองผมตาขวางและได้รับเพียงอาการยักคิ้วให้จากผมเท่านั้นเอง นายอย่าหน้าบูดสิ ทั้งๆ ที่คิดอย่างนี้ในใจแต่ผมก็ไม่ได้พูดแล้วยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง...


“นายมันกวนว่ะ” จียงผลักหัวผมแรงๆ แล้วหันไปนั่งหน้าบูดบ่นงึมงำๆ คนเดียวต่อ เดาว่าคงกำลังสาปแช่งผมอยู่ก็ได้


“ทำไมนายต้องยิ้มแล้วไม่พูดด้วยวะ เวลานายยิ้มแบบนี้เหมือนนายกำลัง พูดว่า...ไอ้อ่อนเอ้ย นายมันโง่ว่ะ!!” จียงดัดเสียงจนแหบใหญ่แต่มันฟังดูตลกมากกว่าเพราะจียงเป็นคนเสียงเล็กผมคิดว่ามันดูน่ารักมากกว่าโหดอ่ะนะ


“ฮ่าๆ นายคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” ผมโยกศีรษะจียงอย่างเอ็นดู จียงเบ้ปากเมื่อผมหัวเราะ แต่เอาเถอะนายกลับมาเป็นเหมือนเดิมแค่นั้นฉันก็ดีใจแล้ว


“พี่ซึงฮะ!!!”เสียงขัดจังหวะของมักเน่ร้องเรียกผมอยู่ข้างนอก ผมกับจียงหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มกับความคิดของตัวเองพวกเราพร้อมใจกันเงียบลงทันที


“เฮ้ย!! หรือว่าพี่ซึงฮยอนฆ่าหมกพี่จียงไปแล้ว”เสียงมักเน่อุทานเสียงดังผมกับจียงขำปู้ดกันทีเดียว “พี่จียงจะตายรึยังเนี่ย” น้านนดูมันแช่งรุ่นพี่ ท่าทางเจ้ามักเน่จะโดนดีจากจียงเร็วๆนี้แน่ หึหึ สมน้ำหน้าอยากมาอ้อนจียงดีนักเจ้าเด็กบ้า


ตึงๆ ตึงๆ


“พี่ซึงฮยอนครับ!! พี่ซึงฮยอนคุณยางให้มาตามแล้วครับ” เสียงทุบประตูแต่เป็นเจ้าแดซองที่ขวัญกล้า ผมกับจียงยังเงียบต่อเพราะอยากแกล้งพวกน้องๆเล่น คงคาใจกันอยู่สินะว่าพวกผมทำอะไรกันอยู่


“เออ!!!!” ผมตะโกนตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะขำพวกน้องๆที่คิดเป็นตุเป็นตะไปกันใหญ่ “เดี๋ยวออกไปเอง...”ผมร้องตอบออกไป ผมรอจนเสียงข้างนอกเงียบไปจึงหันมองคนข้างๆ กำลังมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมลูบแก้มจียงขณะที่เผชิญสายตากับผมนิ่งความรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยจริงจังกับใครเท่าครั้งนี้ ไม่เคยคลั่งไคล้ และอยากครอบครองใครเท่ากับคนตรงหน้ามาก่อน


“จียงนายฟังฉันให้ดีนะ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันไม่ได้แค้นหรือโกรธนายเลย ไม่ว่าเรื่องอะไร” จียงเลิกคิ้วเหมือนว่าไม่เชื่อที่ผมกำลังบอก “ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะ...” ผมสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ “เพราะ...ฉันไม่อยากให้นายมีแฟนน่ะ” ผมพูดอ้อมเป็นวงเพราะไม่กล้าบอกจียงออกไปตรงๆ หวังว่านายจะเข้าใจ ผมสบตาจียงหวานฉ่ำแต่จียงยังมีปัญหาเพราะสายที่เต็มไปด้วยคำถาม นั่นแปลว่าจียงไม่ได้เข้าใจที่ผมพูดเลย ให้ตายดิ!


“ทำไมอ่ะ แค่ฉันมีแฟนก่อนนายนี่นายเจ็บใจมากเลยเหรอ” คำพูดของจียงเอ่ยออกมาหลังจากนั้น สุดท้ายนายก็ไม่เข้าใจจริงๆ T^Tเหนื่อยตรูแสดงออกไปซะขนาดนี้


“ไม่ใช่ยังงั้น!! ฉันหมายถึงไม่ว่าก่อนหรือหลังก็ไม่อยากให้นายมีแฟน” เข้าใจมั้ย!! เฮ้อผมแอบกุมขมับ หัวหมุนจริงๆ จียงยิ้มแล้วหัวเราะชอบใจเล่นเอาผมงงเป็นไก่หลงเล้าเลย ผมมองจียงยิ้มแล้วก็หัวเราะชอบอยู่หรอกนะที่จียงเป็นแบบนี้ แต่ผมอยากร้องไห้!! ทำไมนายไม่เข้าใจวะ นายฉลาดที่สุดในกลุ่มแล้วนะเว้ยย...ผมอยากตะโกนใส่แล้วเขย่าๆ ร่างที่กุมท้องตัวงออย่างชอบอกชอบใจอะไรไม่รู้


“ฮ่าๆ ที่แท้นายก็แค่กลัวฉันมีแฟน”จียงปาดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาออก “แต่ฉันไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะ เพราะอะไร...ฉันถึงมีแฟนไม่ได้” จียงวกกลับมาที่จุดเริ่มต้นพร้อมกับสายตาคำถาม


“เฮ้อ!! ช่างเหอะเอาเป็นว่าฉันแค่ไม่อยากให้นายมีแฟนแค่นั้นแหละ”ผมผละจากข้างกายจียงแล้วเดินไปที่ประตูตัดปัญหาทั้งที่ยังยืนหันหลังให้ “แต่ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะอยากแกล้งหรือทำลายศักดิ์ศรีอะไรของนายหรอกนะ.....” ผมเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ที่ทำไปเพราะฉันอยากทำยังงั้นกับนายจริงๆ” ผมพูดจบก็เดินออกมาจาห้องจียงทันทีคิดแต่ว่าขอให้เจ้าคนหัวดีอย่างจียงเข้าใจซักทีเถอะ เพราะผมคงอายที่จะบอกว่า.........เพราะ

รักนายควอน จียง!!


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



หลังจากที่ผมไปพบคุณยาง(กรุณากลับไปอ่านตอนที่แล้ว)ก็กลับมานั่งก่ายหน้าผากคิดไม่ตกว่านี่ผมหลวมตัวไปแล้วใช่มั้ย การที่ต้องห่างจากจียงสามปีผมจะทนได้เหรอ แค่ทุกวันนี้ก็อยากจะคลั่งซะให้ได้ ถ้าผมไม่เห็นจียงในสายตาอีกตลอดสามปีจียงจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนบ้างผมไม่มีทางรู้เลย!! เพราะผมไม่เชื่อใจคุณยางหรอก...


เฮ้อ....ผมถอนใจหนักๆ เครียดจนเริ่มปวดหัว เงยหน้าขึ้นมองไปอย่างไร้จุดหมายบาร์เครื่องดื่มดึงดูดให้ผมลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปหามัน ขวดเหล้าสีอำพันส่องประกายงดงามเรียกร้องให้ผมกลืนกินมันลงไปเร็วๆ แก้วเนื้อดีค่อยๆถูกเติมเต็มด้วยสุราชั้นเลิศ ผมคว้าสองสิ่งติดมือกลับไปยังห้องนั่งเล่นจมตัวเองในความคิดกังวลต่างๆนาๆ


สมองเริ่มไม่ทำงานเพราะไม่อยากคิด


จียงๆ...อย่าเพิ่งเป็นของใครนะ


ผมคร่ำครวญในใจมือก็กรอกน้ำเมาลงคอเพื่อดับความทุกข์ในใจที่ทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ ร่างกายเหยียดยาวบนโชฟาหรูด้วยแสงไฟสลัวขับกล่อมให้ง่วงงุนในขณะที่สายตาพร่าเลือนและเปลือกตาหนักอึ้งเสียงคนที่ผมเฝ้าคิดถึงก็เดินเข้ามาหา


“ซึงฮยอน! เฮ้ยนายเมาเหรอเนี่ย” จียงทำท่าตกใจที่เห็นผมนอนกอดขวดเหล้าว่างเปล่าแนบอกเหมือนพวกขี้เมา ผมปล่อยขวดใบสวยกลิ้งหล่นออกจากร่างต่อให้กลิ้งหายไปทางไหนผมก็ไม่สนใจ


“นายมาแล้วเหรอจียง” ผมมองคนตรงหน้าหวานเยิ้ม สองแขนพยายามเอื้อมมือออกไปคว้าร่างนั้นมากอด แต่จียงสะบัดหนีราวกับรังเกียจ


“ใช่สินะ!! นายเกลียดฉันนี่” ผมขึ้นเสียงเพราะไม่พอใจที่จียงปฏิเสธอ้อมแขน “ฉันมันเลว ใช่ฉันมันไอ้คนน่ารังเกียจใช่มั้ย!!!” ผมยังโวยวายเสียงดังใส่จียงอยู่เหมือนเดิม จียงส่ายหน้าเตรียมเดินหนีคนเมาอย่างผม ถึงผมเมามากแค่ไหนสติผมยังดีอยู่แน่นอน ผมกระชากจียงกลับมากดใบหน้าตัวเองลงที่ซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสบู่จากผิวกาย ไรผมเปียกชื้นของจียงถูกมือของผมขยุ้มเอาไว้แน่น ผมค่อยๆกลืนกินริมฝีปากเย็นชืดของจียงอย่างหิวโหยทั้งพยายามบดเบียดสอดแทรกราวลิ้นร้อนๆเข้าไปภายในราวกลับจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีก


กึก!.....


“โอ้ยย!!” ผมรีบปล่อยจียงออกเพราะรับรู้ถึงรสเลือดคาวๆ และอาการเจ็บหนึบที่ริมฝีปาก มือยกขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกจากแผลของผม เลือดสีเข้มที่ปลายนิ้วทำให้ผมเงยขึ้นมองหมอนั่นเขม็ง


ทำไมจียงต้องปฏิเสธ!!


ทำไมจียงถึงไม่ยอมเข้าใจว่าผมรักเขา...ทำไม


“นายเป็นบ้าอะไรวะ” จียงสบถเสียงดังใส่สายตาดูแคลนของเค้าจับจ้อมผมนิ่ง “นายเมาแล้วก็ไปนอนดีกว่า ทำแบบนี้คนอื่นเค้าเดือดร้อนกันหมด!!” จียงผลักร่าง ผมออกห่างแล้วหันหลังกลับที่บันไดผมรีบตามร่างนั้นไปถึงกลางบันไดเวียน ผมกระชากแขนจียงให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันอีก(ถ้างงกลับไปอ่านตอนที่ซึงรีถ่ายคลิป)


“ปล่อยฉันนะโว้ยย!”เสียงจียงตวาดใส่ผมลั่น ผมซึ่งหายเมาแล้วมองจียงอย่างขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าจียงยังไม่มีอารมณ์ให้อภัย ผมเองที่งี่เง่าทั้งที่ตอนหัวค่ำเหมือนบรรยากาศระหว่างเรากำลังจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ท่าทางรังเกียจของจียงยามผมแตะต้องร่างกายทำให้อารมณ์ผมครุกกรุ่นขึ้นมาอีก ทั้งที่ผมไม่อยากทะเลาะกับเขาเลยให้ตายสิ!


“นายจะคุยฉันดีๆไม่ได้เลยหรือไงหา!!” ผมตะคอกกลับเสียงดังอยากให้จียงยอมอยู่นิ่งๆ สักนาทีเพื่อให้เวลาผมสงบจิตใจ ยอมรับว่าตอนนี้ความคิดสติของผมแตกกระเจิงไปหมดแล้ว ตั้งแต่เห็นวันเดินทางนั้นในแฟ้มเอกสารของคุณยาง...สามวันหลังจากนี้ผมต้องไปญี่ปุ่นมันเร็วจนเกินกว่าจะทำใจได้!! แต่ประตูสองบานที่เปิดออกมาดูเหตุการณ์อย่างสนใจเมื่อเจอสายตาข่มขู่ของผมเข้าทั้งแดซองและยองแบต่างก็หดหัวเข้าไปในห้องตามเดิมจียงปล่อยหมัดใส่ผมทีเผลอแต่เพราะผมสายตาไวกว่าจึงยกมือขึ้นกันและเริ่มโมโหคนตรงหน้าที่ไม่ยอมฟังคำขอโทษจากผมดีๆก่อน ผมกระชากข้อมือจียงจนร่างของเราเข้าใกล้กันอีก


“อย่า! ไม่!!!” จียงรู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น จียงสะบัดหน้าหนีผมจึงกระชากไหล่จียงเอาแน่นแล้วซุกใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่นอีกครั้งมือที่ยังจับข้อมือจียงไว้แน่นบิดไขว้ไปด้านหลังไม่ให้จียงสะบัดหลุดได้อีก มืออีกข้างจับคางของคนตรงหน้าไว้แน่นสายตาแข็งกร้าวของจียงจับจ้องมองผมอย่างโกรธจัด สมองผมบอกว่าไม่สนแล้วตอนนี้...ผมโน้มใบหน้าตัวเองต่ำลงจนลมหายใจเราสอดประสานเป็นเนื้อเดียวกันริมฝีปากอุ่นบดคลึงไปบนริมฝีปากของจียง ความนุ่มนั้นแทบทำให้ผมเตลิด แล้วกดจูบลึกล้ำพร้อมทั้งสอดแทรกเรียวลิ้นตวัดควานหาความหวานจากคนตรงหน้า ผมเผลอปล่อยมือจียงจนเขาสะบัดหลุดออกได้ง่ายๆ จียงจึงประเคนหมัดลุ่นๆเป็นรางวัลให้ผมก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับเข้าห้องไป ผมปาดนิ้วโป้งกับมุมปากที่เจ็บแปล็บอีกรอบ หึหึ ผมหัวเราะในลำคอให้กับตัวเองยิ้มออกมาเพราะสมเพช ชเว ซึงฮยอน ที่หลงรัก
ควอน จียง เหมือนคนบ้าได้ขนาดนี้ ผมลากสังขารกลับไปที่ห้องอีกครั้งจิตใจหนักอึ้งเจ็บปวดมากเกินจะรับแล้วคืนนี้! ระหว่างทางเห็นมักเน่กำหลบตัวลีบที่หลังแจกันใบใหญ่ในมือกำมือถือไว้แน่นผมเหลือบมองแวบนึงแต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครจริงๆ



▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



แต่ไม่ว่าจะผ่านเวลาเที่ยงคืนมานานแล้วผมก็ยังนั่งแช่อยู่ที่เดิม ผมคิดอยากเดินกลับไปยกเลิกข้อตกลงกับคุณยางอยู่หลายรอบ หากไม่เพราะผมไม่ต้องการเป็นทหารตามที่พ่ออยากให้เป็น จะหนีไปที่อื่นก็ไม่ได้ไม่มีที่ไหนที่อิทธิพลของทั้งสองคนนี้จะเข้าไปไม่ถึงทางเลือกของผมไม่มีเลย ผมได้แต่เลือกการไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นในอีกสามวันข้างหน้า...

จิตใจตกต่ำถึงขีดสุดผมเดินกลับลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรที่แรงกว่ามากล่อมตัวเองให้หลับได้ในคืนนี้ ผมคว้าเอาขวดใสเจียรไนอย่างดีขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วตั้งใจกลับไปมอมตัวเองในห้อง ถอนใจซ้ำๆ เหนื่อยใจแต่ไม่เห็นทางที่จะหลุดพ้นทั้งความรักและความต้องการ


จียง!!!


ร่างจียงของจียงปรากฏขึ้นต่อหน้าผมเหมือนฝัน จียงหายเขาไปในครัวมืดๆ อยู่นาน ผมเพิ่งนึกได้ว่าจียงยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่หัวค่ำพอๆกับผมที่ท้องยังว่างเปล่าแต่กลับมีแอลกอฮอลล์อยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว ผมมองตามร่างจียง มองทุกอิริยาบถ ทุกการเคลื่อนไหว ผมพยายามเก็บสิ่งที่มองเห็นเอาไว้ แล้วบันทึกมันในใจ เวลาที่จากไปผมหวังว่าจะใช้ความทรงจำบรรเทาความคิดถึง


ความทรงจำ...


ความทรงจำงั้นเหรอ!...


ใช่สิ...ความทรงจำที่ผมสร้างมันขึ้นเองได้


คืนนี้


เดี๋ยวนี้...


ผมแสยะยิ้มให้กับความคิดตัวเองวางขวดใบสวยลงที่เดิมของมัน พอแล้วสำหรับของมึนเมาที่ทำให้สติเลือนลาง จากนี้ผมจะทำมันลงไปด้วยสติสมบูรณ์ที่สุด ผมก้าวเดินไปยังด้านหลังของจียงที่กำลังค้นหาของกินภายในตู้เย็นและรู้สึกว่าจะไม่มีอะไรให้กิน ความคิดของผมมีแต่ต้องทำให้จียงเก็บผมเป็นความทรงจำให้นานที่สุด หรืออาจเป็นตลอดชีวิตของเขา...


“เฮ้ย!!!!” จียงอุทานลั่นเมื่อเห็นผมยืนอยู่ด้านหลัง ผมจับจ้องใบหน้าที่กำลังคิดถึงตลอดทุกลมหายใจ อีกสามวันหลังจากนี้จะไม่ได้จ้องมองอีกแล้ว ผมยืนนิ่งแต่จียงหันหลังกลับรีบวิ่งไปที่บันไดผมวิ่งตามจียงกระโดดขึ้นบันไดทีละสองขั้นจนตามทันที่หน้าประตูห้องจียงพอดี


“อย่าเข้ามานะโว้ยย”จียงตะโกนห้ามผมที่แทรกกายเข้าประตูมาแล้วจียงถอยหลังวิ่งอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของเตียงหวาดระแวงผมที่ยืนพิงบานประตูนิ่ง


ผมกำลังครุ่นคิด สายตาก็จับจ้องจียงที่ตื่นกลัว


“เป็นอะไรวิ่งหนีทำไม!” ผมแกล้งถามจียงที่หน้าซีดท่าทางราวกับจะวิ่งหนีอยู่ตลอดเวลา


จียงขยับกายอย่างร้อนลนเพราะไม่เข้าใจการกระทำของผม แต่สายตาของผมที่มองจียงคงทำให้เขารู้ตัว ผมเลิกปิดบังความรู้สึกตัวเอง


“นะนายเข้ามาทำไม!!!” จียงตะโกนข้ามเตียงมาถามผม


ผมเดินยิ้มเข้าไปหาจียงที่วิ่งไปจนถึงหัวเตียง แต่ผมก็ยังเดินตามไปหาอย่างใจเย็น สายตายังจ้องที่จียงนิ่ง เหมือนสัตว์ป่าที่หิวโหยกำลังล่าเหยื่อ!!


และจียงคือเหยื่อของผมในคืนนี้


“นายรู้ใช่มั้ยที่ฉันพูดตอนหัวค่ำ” ผมเอ่ยเสียงอ่อนโยน จียงขมวดคิ้วแน่นแล้วเบี่ยงสายตาหนีผม “ฉันทำทุกอย่างเพราะอยากทำ ไม่เคยคิดว่าต้องการแกล้งนายเลยสักครั้งเดียว” ผมถอนใจแล้วเดินเข้าหาจียงทีละนิด “และตอนนี้...”ผมเว้นจังหวะ คอยดูท่าทางตื่นกลัวเหมือนกวางน้อย “ฉันก็จะทำมันอีกแต่เป็นเพราะฉันอยากทำไม่ใช่เมา!! นายเข้าใจใช่มั้ย” ผมถามย้ำกับจียงที่กำลังหาทางหนี นายไม่ได้ฟังฉันเลยมั้ย!!


จียงส่ายศีรษะเร็วๆ เหมือนปฏิเสธ


ไม่ทันหรอก...ฉันตัดสินใจแล้ว(คนเขียนก็ตัดสินใจแล้ว เหอๆ)


จียงเหลือบสายตามองไปที่ประตู และออกวิ่งกระโดดข้ามเตียงไป แต่...ช้ากว่าผมที่ยื่นแขนออกไปคว้าข้อเท้าจียงได้ทัน ร่างจียงล้มคะมำลงบนเตียงพอเหมาะมากๆ ผมยิ้มยินดีที่ไม่ต้องออกแรงลากจียงขึ้นเตียงให้เหนื่อย


“นายเอง...ก็ดูเหมือนจะเต็มใจดีนะ” ผมหยอกคนที่นอนคว่ำอยู่ตรงหน้า จียงพยายามลุกขึ้นแต่ผมชิงทาบร่างลงไปทับเอาไว้ก่อน


“มะไม่นะซึงฮยอน นายที่แท้ก็เป็นโฮโมนี่เอง!!!!” จียงว่าผมเสียงสั่น ผมอยากปฏิเสธใจแทบขาด ตั้งแต่มีอะจึ๋ยครั้งแรกจนตอนนี้ไม่เคยทำกับผู้ชายมาก่อนเลยนะเฟร้ยย...พอลากปลายลิ้นแตะด้านหลังต้นคอขาวๆแทน เม้มริมฝีปากกับผิวด้านหลังนั้นเบาๆ ชิมรสชาติผิวกายที่หอมหวานของคนตรงหน้า


“หึหึ...นายจะว่ายังไงก็ได้เพราะอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ผมสอดประสานมือกับร่องนิ้วของจียงกดจมูกสูดกลิ่นหอมหวานจากเส้นผมดำขลับ “แต่รู้มั้ย...ว่านายเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันเกิดอารมณ์ได้นะ” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหูจียง ผมรู้สึกว่าไรขนของหมอนั่นจะลุกชันขึ้นประท้วงการกระทำของผมแฮะ


“นะนายบ้าแน่ๆ” จียงกระซิบสั่น “นายยังกลับตัวทันนะ ซึงฮยอนนายไม่เสียดายความหล่อเหรอวะ สาวๆกรี๊ดนายจะตายไป” จียงพยายามกล่อมผมอีก อย่าพยายามเลยที่รักความหล่อนี้มีไว้เพื่อนาย


“ขอบใจนะที่ชมที่แท้นายก็ชอบฉันอยู่เหมือนกันนี่” ผมแกล้งไขสือใส่จียง ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอย่างน่าสงสารผมเลยปล่อยให้ร่างจียงพลิกขึ้นนอนหงาย ใบหน้าซีดและสายตาอ้อนวอนไม่ได้ทำให้ผมใจอ่อนได้อีกแล้ว...ไม่ใช่สำหรับคืนนี้


“ฉันจะกอดนาย...จียง” ผมเอ่ยเสียงแหบพร่า จียงส่ายหน้าปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ จียงดิ้นรนต่อต้านแต่สู้แรงไม่ได้จึงโดนผมคร่อมไว้จียงเม้มปากแน่นไม่ยอมขอร้องผมอีกสายตาแข็งกร้าวเหม่อมองเพดานห้องแต่เลือกที่ไม่มองหน้าผมสินะ


“เหนื่อยแล้วเหรอ” ผมยังกวนไม่เลิก


“ถ้านายทำฉันจะเกลียดนาย!!” จียงขู่เสียงเย็นอย่างสะกดกลั้นถึงขีดสุด ผมที่จับจ้องรายละเอียดบนใบหน้าเนียนนุ่มนั้นอยู่ มือข้างหนึ่งลูบไล้แก้มเนียนอย่างเบามือ เกลี่ยไรผมที่ปรกบังใบหน้าออกเผยให้เห็นคิ้วเข้มเรียวสวยที่กำลังขมวดมุ่น ดวงตายาวรีพร้อมอัญมนีสีนิลที่เบิกกว้างอย่างเคืองโกรธ จมูกเชิดรั้นอย่างคนถือดีในตัวเองอย่างที่สุด ริมฝีปากแดงช้ำเพราะผมที่เป็นผู้กระทำ ทุกที่ๆสายตาผมลากผ่านไปปลายนิ้วจะเคลื่อนตามไปสัมผัสด้วย


“หึหึ...ตอนนี้นายจะเกลียดฉันก็ได้นะ เพราะฉันตัดสินใจแล้วจียง” ผมก้มลงครอบครองริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะเปิดอ้าออกประท้วง


“ไม่เอา อ๊ะ อุ๊ฟ...อื้อ” จียงส่งเสียงขลุกขลักในลำคอ ผมกลัวว่าเดี๋ยวจะผ่านคืนนี้ไปกับบทสนทนามากเกินไปเลยเริ่มรุกดีกว่า แม้ริมฝีปากผมจะกดจูบรุกเร้าจียงแต่มือที่ว่างงานผมก็ใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด จัดการเลิกชายเสื้อยืดจียงขึ้นจนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนผมคว้าข้อมือจียงที่ประท้วงด้วยการดึงทึ้งร่างของผมออกเอาไว้ ผมรูดเสื้อยืดขึ้นมาจนถึงข้อมือแล้วพันรวบข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่นจียงส่ายหน้าประท้วงจูบและการกระทำนั้นจากผม


“นายไม่ชอบแบบนี้เหรอ...”ผมถามเสียงยานคาง ยิ้มให้จียงที่นอนแผ่อยู่ใต้ร่างผมมองใบหน้าจียงเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตา


“คืนนี้นายร้องไห้เถอะนะ” ผมเกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลรินเป็นทางเปียกแก้มใสๆ


“ร้องไห้เพื่อฉันคนเดียว ฉันจะจูบซับมันให้นายเอง” ผมลิ้มรสน้ำตาเค็มปร่าของจียงจูบซับไปทั่วใบหน้า เปลือกตาทั้งสองและจบลงที่ริมฝีปากอิ่ม จากจูบเนิบช้าหลังจากสอดลิ้นลึกเขาไปมันกลับกระตุ้นเพลิงอารมณ์ให้ลุกขึ้น ความร้อนเผาผลาญสมองจนอื้ออึง ผมอยากสัมผัส อยากกลืนกินจียงเข้าไปทั้งตัวและไม่รอช้าที่จะทำอย่างนั้น


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫

BigBang:Kiss!!...[ Yang hyun Suk]

BigBang:Kiss!!...[ Yang hyun Suk]


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫



Yang Hyun Suk : ผมนั่งมองนาฬิกาอย่างรอคอยเวลา เจ้าเด็กทึ่ม ชเว ซึงฮยอนก็ยังไม่โผล่หัวมาให้เห็นซักที นี่ผมนัดตั้งแต่เย็นๆ จนจะสองทุ่มแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เฮ้อ...ผมถอนใจ ถามตัวเองว่าแน่ใจแล้วเหรอที่เลือกเด็กพวกนี้มาเป็นทายาทเนี่ย เพราะความอาภัพแท้ๆที่ทำให้ผมไม่เหลือญาติเลยซักคน มีแค่ตัวคนเดียวกับทรัพย์สินมหาศาล แต่...ผมไม่อยากให้ทุกอย่างที่ลงแรงลงทุนทั้งหมดสูญสลายไปกับผมยามที่สิ้นลมหายใจไปแล้วเหมือนกัน ความคิดนี้จึงผุดขึ้นในวันหนึ่งนั่นเอง เอาเถอะผมถอนใจหนักๆเลือกมาแล้วก็คงต้องประคองเจ้าพวกนี้กันไปให้รอด แต่เด็กดีที่น่ารักของผม หรือทายาทหมายเลขหนึ่ง คัง แดซอง เทวดาที่น่ารัก ผิวแทนนิดๆ รอยยิ้มที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กล้ามเนื้องดงามแข็งแรงเพราะออกกำลังกาย ถูกใจผมไปซะทุกอย่างจนบางครั้งเผลอแสดงความลำเอียงมากไปหน่อย แดซองไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยซักครั้ง...พอหลับตาก็นึกถึงภาพคอลเลคชั่นแอบถ่ายที่ผมใส่กรอบไว้ในสตูดิโอส่วนตัวก็ผุดขึ้นมาทีละภาพ มีรอยยิ้มของแดซองเต็มไปหมด อืม..หรือผมควรติดตั้งกล้องไว้ตามจุดลับในห้องแดซองด้วยดี กำลังคิดอย่างเคลิ้มๆ เสียงเคาะประตูเรียกผมออกมาจากวังวนซะก่อน


“ขออนุญาตเข้าไปนะครับคุณยาง!” เสียงทุ้มใหญ่ของเจ้าเชวซึงฮยอนดังมาก่อนที่ตัวหนาๆจะโผล่มาให้เห็น ผมเหลือบมองนาฬิกาและหันกลับไปจ้องเจ้าเด็กทึ่มนั่นเขม็ง


“มาสายนะ!!” ผมกดดันด้วยสายตานิ่งเงียบ ชเว ซึงฮยอนยืนหลังตรงและก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด “เฮ้อ...ไหนๆก็มาแล้วรีบๆคุยละกัน” ผมเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้จับจ้องมองใบหน้าเจ้าทึ่มชเว ซึงฮยอนแล้วคิดว่าจะเริ่มคุยจากเรื่องอะไรก่อนดี


“ครับ...” ซึงฮยอนรับครับผมยังยืนนิ่งเป็นต้นไม้แห้งเหี่ยว ผมเลิกกดดันแล้วเสืออกแฟ้มสีน้ำตาลให้ซึงฮยอนรับไป เด็กหนุ่มตรงหน้าหยิบสิ่งที่ผมให้ไปเปิดอ่านพลางขมวดคิ้วเข้มๆ สงสัยจะมีปัญหา


“อยากถามอะไร!”ผมเอ่ยดักเสียงเข้มประสานมือทั้งสองข้างรองคางตัวเอง เพื่อดูปฏิกิริยาที่ซึงฮยอนจะแสดงออกมา แววตากรุ่นอารมณ์ของซึงฮยอนจ้องตอบผมเขม็ง


“ทำไมต้องเป็นผม!!” ซึงฮยอนเอ่ยถามหลังจากวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานเช่นเดิม ตอนนี้สีหน้าซึงฮยอนเครียดขึงริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงอย่างคนดื้อดึง ผมถอนใจกับเด็กคนนี้...ไม่เคยเปลี่ยน!!


“เพราะนายไม่ยอมเรียนต่ออะไรเลย จะให้นายไปบริหารอะไรนอกจากแก็งค์ ฮึ!” ผมถามกลับเสียงดัง แหมดูเอานะไม่เรียนแต่จะมาบริหารบริษัทผมแล้วลูกน้องที่ไหนมันจะเชื่อถือวะ เจ้าเด็กนี่!


“ผมทำอย่างอื่นก็ได้ไม่จำเป็นต้องไป...” ซึงฮยอนยังพยายามเถียงแบบเอาสีข้างเข้าถู เหอะ...คุยกะมันแล้วปวดเฮดจริงๆ เฉพาะเจ้าซึงฮยอนนี่แหละที่ผมคุมยากที่สุด เพราะมันเป็นลูกชายเพื่อนผมนั่นแหละจะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ ที่ผมรับเข้าเป็นทายาทเพราะเจ้าชเว ซึงฮยอนมันกำลังทะเลาะกับพ่อเลยต้องหาที่หลบภัยซึ่งก็คือเพื่อนของพ่อมันอย่างผมนี่แหละครับ อ่อ...แล้วอย่าเข้าใจผิดนะครับผมไม่ได้แก่มากมายขนาดนั้นเพิ่งจะสามสิบกว่าๆเท่านั้นเอง ผมเป็นเพื่อนต่างรุ่นกับพ่อเจ้าซึงฮยอนเท่านั้น แบบว่าเล่นโกะกันเป็นครั้งคราว นั่งคุยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจแบบนี้แหละ


“หรือนายจะกลับบ้าน ไปเป็นทหาร!!” ผมหรี่ตามองเจ้าซึงฮยอนดูว่ามันจะตอบยังไง ใบหน้าคมเข้มกร้าวขึ้นเมื่อได้ฟัง กรามถูกบดจนนูนขึ้นเห็นได้ชัด คำตอบคือไม่สินะ ผมคาดไว้ก่อนอยู่แล้วล่ะ...หึหึ


“ผมไม่อยากไปนี่ครับ...” เจ้าซึงฮยอนเหลือบตาขึ้นมอง นั่นใช้สายตาลูกหมามองผมอย่าคิดว่าจะได้ผลเพราะเมื่อก่อนเจ้าบ้านี่มันตัวเล็กๆ อ้วนกลมน่ารักน่าชังอยู่หรอก แต่ตอนนี้...


“ไม่ได้ผลหรอกนะนายต้องไป” ผมยื่นคำขาด “หรือนายยังห่วงอะไรอีก” ผมเอ่ยเพราะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าซึงฮยอนมันปิดผมไม่ได้ซักเรื่องหรอกโดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้มันเหมือนหมาบ้าเข้าสิงแบบนี้...เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยแล้ว ผมยิ่งจับตามองเป็นพิเศษ


“ผมไม่อยากไปญี่ปุ่นนี่ ครับอา!!” หึหึ...มาไม้นี้อีกแล้ว เมื่อไหร่ที่ซึงฮยอนจะอ้อนขออะไรจำเป็นต้องเรียกผมว่าอาทุกที ทั้งที่เลิกเรียกมาสิบกว่าปีแล้วแท้ๆ


“อะไร...งั้นจะเรียนต่อหรือเปล่าล่ะ” ผมยื่นทางเลือกให้เด็กหนุ่มตรงหน้า “หรืออยากกลับบ้านไปเป็นทหารก็บอกนะ” ผมแสยะยิ้มให้หลานชายต่างสายเลือดคนนี้แบบเหี้ยมนิดๆอย่างที่รู้แกวกันดี...อ้อนก็ไม่ได้ผลหรอกนะ


“นายห่วงจียงรึไง” ผมลองแย็บใส่หนึ่งหมัด ได้ผลทันตาเจ้าซึงฮยอนสะดุ้งแบบเห็นได้ชัด ฮะๆ นายยังด้อยประสบการณ์นักซึงฮยอนผมยิ้มกริ่ม เจ้าซึงฮยอนเบนหน้าหนีแถมหน้าแดงเป็นแถบ แหมดูมันอายก็เป็นเว้ย...ผมหัวเราะชอบใจ


“เฮ้อ...อาก็เห็นใจนายอยู่เหมือนกันนะ” ผมทอดเสียงอ่อนโยนเจ้าซึงฮยอนมีสีหน้าดีขึ้นจนน่าหมั่นใส้ “แต่นายเข้ามาเป็นทายาทอาแล้วต้องทำอย่างที่อากำหนดด้วยสิ ไม่ยังงั้นนายก็เลือกเอาแล้วกัน” ผมดับรอยยิ้มที่กำลังจะแย้มออกของเจ้าซึงฮยอนทันใด ซึงฮยอนเบ้ปากพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนคนไม่มีทางเถียงชนะซึ่งเป็นเรื่องแน่นอนเพราะ จียงเป็นลูกไก่ในกำมือผม ฉะนั้นเจ้าซึงฮยอนก็เป็นยิ่งกว่าลูกไก่ซะอีก


“อาใจร้ายอ่ะ!!” ซึงฮยอนต่อว่าผมอีก อ้อ..ขอบใจที่ชมผมเอ่ยต่อประโยคนั้นในใจ พลางยักคิ้วให้อย่างไม่ถือสา


“เออ...ใจร้ายสิวะ” ผมหมั่นใส้มันจริงๆ เลยตอบกวนกลับไปบ้าง “ถ้างั้นเอางี้..”อยู่ๆ ผมปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที ซึงฮยอนเงี่ยหูฟังอย่างจดจ่อ “อาว่าจะเทคโอเวอร์บริษัทพ่อจียงแล้วให้นายบริหารต่อ แต่ต้องเป็นหลังจากนายเรียนจบแล้วโอเคมั้ย!” ผมต่อรองกับซึงฮยอนพร้อมขยิบตาให้อีกหนึ่งที ซึงฮยอนมีใบหน้าครุ่นคิดตาม


“แค่นั้นเหรอครับ” บ๊ะ!!...มันยังจะต่อรองอีกเหรอ เหมือนใครวะ ผมมองเจ้าหลานนอกใส้ไม่ค่อยพอใจนัก


“ถ้าหากนายเรียนจบภายในสามปี ฉันจะให้จียงไปทำงานกับนายด้วย!!” ผมเสนอข้อแลกเปลี่ยนนี่สุดๆแล้วนะ เจ้าซึงฮยอนคิดหนัก คิ้วขมวดแน่นแล้วคลายสลับอยู่อย่างนี้ ผมนั่งนิ่งรอคอยคำตอบจากเด็กหนุ่มตรงหน้า เอาวะไหนๆ พ่อมันก็ฝากก็คงต้องเข็นกันไปให้จนถึงฝั่งล่ะ


“ก็ได้ครับ...” ให้มันได้อย่างนี้สิฟะผมละดีใจที่แผนสำเร็จ “แต่ในเวลาสามปีนี้ห้ามจียงคบกับใคร ห้ามหมั้น ห้ามแต่งงาน หรือมีใครคนอื่นโดยเด็ดขาดไม่งั้นผมไม่ยอม” ซึงฮยอนมันต่อรองได้อีก = = เจ้าเด็กบ้าเคยพอใจอะไรง่ายๆ มั้ย ห๊ะ!!


“เอ้า!! ก็ได้แต่หลังจากสามปีแล้วนายยังเรียนไม่จบล่ะก็นั่นอีกเรื่องนึงนะ” ผมบอกเงื่อนไข “อ้อแล้วไหนๆ ก็ไปเรียนแล้วก็ไปที่ญี่ปุ่นเลยแล้วกันจะได้ฝากดูแก็งค์เงินกู้ให้ด้วยนะ” หึหึ...สุดท้ายมันก็เข้าแผนผมอยู่ดีที่ตั้งใจส่งซึงฮยอนไปคุมแก็งค์ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว อันที่จริงแก็งค์ที่ว่านั่นมันเป็นอีกเครือข่ายที่ผมบงการอยู่เบื้องหลังให้คนญี่ปุ่นเป็นฉากหน้าแทนผมเท่านั้นเอง เพื่อฟอกเงินให้เครือข่ายทั้งผิดและถูกกฏหมายในโลกนี้แหละครับ


“อาอ่ะ!! อย่างนี้ทุกที” ผมหัวเราะในลำคอขำมันที่หน้างอเหมือนตูด นานๆจะได้เห็นซักที เดี๋ยวนี้พอโตเข้าหน่อยล่ะทำขรึมใส่


“เรื่องจียงน่ะ อยากให้นายเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเค้าบ้าง” ผมสั่งสอนเด็กหนุ่มที่ยืนหน้าบูดตรงหน้า “ให้จียงเลือกคนที่จะรักด้วยตัวเองไม่ใช่ไม่มีทางเลือกแบบนี้” ทั้งที่ร่วมมือกับเจ้าซึงฮยอนไปแล้วครึ่งตัวแต่ก็อดเห็นใจเด็กหนุ่มไม่ได้ครับลองเตือนสติเจ้าซึงฮยอนไปหน่อยเผื่อมันจะใจอ่อนกับจียงบ้าง


“อาครับ...ผมพยายามแล้ว แต่...” ซึงฮยอนก้มหน้านิ่ง “ผม...ห้ามตัวเองไม่ได้ถ้าผมไม่ได้จียงมาอยู่ข้างๆล่ะก็ คนอื่นก็จะไม่ได้เหมือนกัน!!” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงเย็นในประโยคสุดท้าย ดวงตาที่เงยขึ้นสบเย็นเยียบข่มขู่ทุกคนที่คิดจะขัดขวางเขา นี่สินะเชื้อไม่ทิ้งแถวตระกูลชเวสายนี้เป็นทหารกันมาหลายรุ่น ก็มีแต่เจ้าซึงฮยอนคนนี้แหละที่บ้าแหกคอกออกมาหน่อเดียว แต่ดูเถอะความเข้มโหดยังฝังอยู่ในสายเลือดอยู่ดี...


“เฮ้ออออ...ฉันล่ะเหนื่อย เอาเถอะจะทำอะไรก็ตามใจ วันไหนจียงหายไปจากชีวิตนายจริงๆ นายจะรู้สึก” ผมเอ่ยเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “ไปเถอะฉันจะพักแล้ว” ผมออกปากไล่เมื่อเหลือบดูนาฬิกาอีกรอบ คุยกับมันแล้วหมดแรง


“งั้นครับ ไปแล้วนะครับ” ซึงฮยอนโค้งศีรษะลาก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปทางประตู ผมมองร่างที่ลับหายไปแล้วอดคิดต่อไม่ได้ว่าหากซึงฮยอนเรียนจบตามเงื่อนไขจริงๆ ผมจะทำให้จียงเป็นเลขาส่วนตัวของซึงฮยอนได้จริงเหรอ แล้วจียงตอนนั้นจะทำตามที่ผมต้องการหรือเปล่านี่สิ เฮ้อ...ว่าแล้วคุยกะเจ้าซึงฮยอนแล้วปวดเฮดจริงๆ เลิกคิดเรื่องซึงฮยอนแล้วไปคิดถึงเทวดาของผมดีกว่า...


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫


ผมเดินกลับมาที่ห้องนอนไฟสว่างวาบอัตโนมัติทันทีที่ก้าวขาเข้ามาภายใน กระจกใสที่ยังไม่ได้รูดม่านปิดทำให้มองเห็นบ้านเล็กที่ผมจัดให้เหล่าทายาททั้งหลายอยู่ ห้องที่ยังเปิดไฟสว่างโร่อยู่ตรงข้ามกับห้องของผมนั่นคือห้องของคัง แดซอง...วันก่อนผมเพิ่งรัวชัตเตอร์เก็บภาพกึ่งเปลือยของแดซองได้ชุดใหญ่ หึหึเป็นโชคดีของผมที่คนเลือกห้องนั้นเป็นแดซองไม่ใช่เจ้าซึงฮยอน(คนโต)ไม่งั้นได้อ้วกกันบ้างล่ะ เงารางเลือนเดินผ่านหน้าต่างวูบหนึ่งสายตาผมจับจ้องตามไม่วางตา แค่เห็นจากระยะไกลก็แอบมีความสุขแล้ว แดซองนายน่ารักเกินไปแล้ว สงสัยผมต้องติดกล้องจริงๆ ด้วย นึกถึงกล้องก็เดินที่โต๊ะหัวเตียงหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาทันที เมื่อปรับระยะโฟกัสจนได้ระยะที่พอเหมาะผมก็ลากเก้าอี้มาเป็นที่นั่งเพื่อจะได้นั่งมองแดซองได้นานๆ หึหึ


แต่แดซองเดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือก็ก้มหน้าก้มตาอ่านทบทวนบทเรียนในท่านั่งเดิมๆ ที่ผมมองดูอยู่ทุกวัน มีบางคราวก็ลุกขึ้นมาบิดกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ แหมขนาดผมมองจากระยะไกลกล้ามที่มีพองามนั่นก็ทำให้ผมนำลายไหลได้แล้ว หึหึ ผมจับจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็งในใจก็เฝ้าวางแผนว่าจะทำยังไงดีถึงจะทำให้แดซองรับความรู้สึกของผมไปด้วยความเต็มใจ ผ่านไปสักพักใหญ่ผมก็เริ่มเมื่อยบ้างเหมือนกันพอเห็นแดซองขยับลุกขึ้นผมก็ขยับตาม แดซองปิดไฟเดินกลับไปที่เตียงนอนผมเหลือดูนาฬิกา โอ...เกือบเที่ยงคืนแล้วหรือนี่ ผมนั่งได้ทนทายาทดีเหมือนกัน แล้วร่างของแดซองก็ฟุบลงไปบนเตียงผมถอนใจเหมือนดั่งได้ไปนอนลงเคียงข้างเด็กหนุ่มยิ้มสวยคนนั้น โถเทวดาตัวน้อยๆของผม(= = แน่ใจเหรอ : จากคนเขียน) ผมแน่ใจว่าแดซองคงจะหลับไปแล้วจึงจะไปนอนบ้าง ถ้าหากไม่เห็นใครบางคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของแดซองเข้าซะก่อน ผมปรับระยะซูมขึ้นอีก ภาพใกล้เข้ามาเหมือนผมยืนอยู่ในห้องนั้นด้วยทีเดียว ลี ซึงฮยอน(คนเล็ก)!! ผมจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง มันเข้าไปทำอะไรฟระดึกๆดื่นๆ ผมบ่นในใจ ซึงฮยอนขยับปากบ่นคนเดียวผมไม่ได้ยินแต่ในใจนั้นอยากรู้ยิ่งนัก สักพักร่างเจ้าซึงฮยอนก็ก้มลงต่ำเหนือร่างที่นอนหลับแน่นิ่งของแดซอง!!


“เฮ้ย!!!” ผมหลุดอุทาน มือบีบที่ลำกล้องแน่นเหงื่อเย็นๆไหล ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง อีกนิดเดียวริมฝีปากที่แสนบริสุทธ์ของแดซองกำลังจะถูกโขมย ผมเกร็งร่างกลั้นลมหายใจ ไม่นะ!!...


“ถ้านายทำนายตายแน่ไอ้เด็กบ้า!!” ผมกัดฟันกรอดๆ ด้วยความแค้นใจที่ซึงฮยอนคนเล็กบังอาจมาแก่งแย่งแดซองกับผม แต่ร่างเจ้าซึงฮยอนก็เด้งกลับไป ยังดีที่ไม่ได้ทำจริงๆ ไม่งั้นผมนี่แหละจะวางยาเจ้าซึงฮยอนคนเล็กแล้วให้ยองแบปล้ำซะให้เข็ด เมื่อเห็นซึงฮยอนเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่วางใจยังมองแดซองที่หลับไหลอยู่บนเตียงอีกพักใหญ่ เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบแล้วจึงตัดใจวางกล้องแล้วไปนอนบ้าง...


จนเช้าที่สดใสมาถึงผมก็ลุกจากเตียงทำธุระส่วนตัวเช่นทุกวัน และทันทีที่ทานอาหารเช้าเสร็จผมก็เรียกเลขาเข้ามาคุยเรื่องกล้องที่ต้องการติดแบบแอบๆ ในบ้านเล็ก โดยอ้างว่าต้องการดูความประพฤติของเด็กๆพวกนั้น ทั้งที่จริงแล้วผมต้องการดูแค่แดซองคนเดียว...เลขาสาวแว่นรับคำแล้วรีบจากไปจัดการตามควมต้องการของผม ผมนั่งรอแดซองอย่างใจเย็น จนร่างเพรียวแต่แข็งแรงเดินมาจนถึงประตูใหญ่ผมที่นั่งเปิดเอกสารอ่านรออยู่ในรถ BMW สีฟ้าสดใสที่มอบเป็นของขวัญให้แดซองพร้อมคนขับเพื่อส่งแดซองไปโรงเรียนทุกวัน ส่วนคนอื่นๆก็ตามใจถ้าอยากไปเองผมก็ไม่ขัดถ้าอยากมีรถส่วนตัวผมก็จัดให้ตามใจเหมือนกัน แต่แดซองพิเศษตรงที่ผมตระเตรียมสิ่งเหล่านี้และเลือกสรรด้วยตัวเอง แดซองก้มทักทายการ์ดที่หน้าประตูครบทุกคนได้ น่ารักจริงๆ มารยาทงามสมกับที่ผมภูมิใจ...เมื่อรถเลื่อนมาถึงข้างกายแดซองเด็กหนุ่มที่เห็นผมนั่งรออยู่ก่อนถึงกับใบหน้าจืดเจื่อน ผมเข้าใจว่าแดซองยังไม่พร้อมเปิดใจให้ผม แต่ความพยายามของผมไม่หมดง่ายๆ หรอก


“อะอรุณสวัสดิ์ครับคุณยาง...”แดซองนั่งลงเคียงข้างผมหลังจากทักทายเสร็จ ร่างหนุ่มน้อยข้างๆเครียดเกร็งจนน่าสงสาร ผมพยักหน้าแล้วออกคำสั่งกับคนขับ


“ไปได้!!” แล้วรถก็เลื่อนออกจากประตูใหญ่ผมเหลือบมองแดซองที่นั่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้าก้มหงุดเหมือนกับว่ากลัวผมนักหนา แขนที่ว่างของผมเอื้อมไปโอบไหล่แข็งแรงของแดซองไว้แน่น ร่างแดซองแข็งเกร็งท่าทางหวาดกลัวของแดซองดันไปสะกิดต่อมบางอย่างให้ทาน(ต่อมหื่นอ่ะเหรอ อุอุ)


“ทำไมเกร็งๆ ฮึ” ผมเอ่ยเสียงหวานกับคนข้างๆ แดซองยิ่งก้มใบหน้าต่ำลงอีก ผิวเนียนๆ กระตุ้นเลือดในกายผมให้ไหลพล่าน ริมฝีปากแดงกำลังเม้มแน่น ผมอยากไล้ปลายนิ้วเพื่อคลายมันออก แดซองยังก้มหน้างุดผมลองทรงปรกจนปิดบังดวงตาไว้ ลมหายใจกระชั้นของแดซองคล้ายเสียงหอบที่ผมคิดเอาเองว่าเขากำลังตื่นเต้นอยู่ ใจผมที่เต้นโครมครามไปกับอากัปกิริยานั้นแทบหมดความยับยั้งชั่งใจ และหมดลงในอีกหนึ่งวินาทีต่อมา ขอเถอะนะฉันมันความอดทนต่ำผมโน้มลงประกบจูบริมฝีปากน่ารักขอแดซองทันที


“อะเอ่อ...คุณยา...อุ๊ฟ!” ผมเริ่มกดจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยบางสิ่ง แต่เอาไว้ก่อนตอนนี้ผมไม่อยากรับฟังอะไรมากกว่าการสัมผัสปลายลิ้นที่ตื่นกลัวในตอนนี้ของแดซอง ผมบดเบียดริมฝีปากตัวเองเข้ากับแดซองที่น่ารัก รุกเร้าด้วยลิ้นร้อนๆ ที่แทรกเข้าไปทีละนิดจนเข้าไปสำรวจโพลงปากที่หอมหวานนั้น สอดดุนดันลิ้นเล็กที่กำลังสั่นกลัวสัมผัสจากผม ราวกับจะวิ่งหนี

“อืมมมม” เสียงครางแสนหวานที่เล็ดลอดจากปากเล็กๆ นั่นแทบทำเอาผมคลั่ง อยากสัมผัสร่างกายที่งดงามแข็งแรงของเด็กหนุ่มที่อ่อนระทวยในอ้อมกอดให้มากกว่านี้ ผมไล้นิ้วโป้งที่ลำคอเรียวระหงเลื่อนขึ้นไปหยอกเย้าติ่งหูพร้อมกับกระซิบถ้อยคำหวานให้แดซอง


“หวานจังเลยนะ...”ผมกระซิบข้างริมฝีปากและไล้เลียริมฝีปากเด็กหนุ่ม ที่สั่นเป็นลูกนกอยู่ตอนนี้ “ซอสมะเขือเทศนี่หวานจริงๆด้วย” ผมเอ่ยถึงรสชาติที่ลิ้มรสจากปลายลิ้นของแดซอง มือทั้งสองสอดประสานไม่อยู่นิ่งอีกข้างล้วงเข้าไปภายใต้สาบเสื้อนักเรียน ไล้ผิวเนียนมือสัมผัสกล้ามเนื้อที่เกร็งรับสัมผัสจากผม


“งือออ...คะคุณยาง อ๊ะ!” ผมสะกิดยอดอกจนเครียดเขม็ง ฝ่ามือร้อนๆ ของผมเลื่อนลงข้างล่างอย่างคาดหวังจนถึงขอกางเกงที่มีไรขนขึ้นเบาบาง นิ้วมือก็สะกิดเขี่ยบริเวณท้องน้อยกระตุ้นความหวาม พร้อมกับซุกใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่นของเด็กหนุ่มที่เฝ้าปราถนา



“เธอตัวร้อนจังเลยนะ” ผมกระซิบแผ่วๆที่ข้างหู ปลายจมูกปัดผ่านซอกคอจนถึงไหปลาร้า มือก็ปลดเน็กไทน์จนหลวมแกะกระดุมที่ขวางกั้นการสัมผัสผมเขี่ยจนมันหลุดจากกันเรียบร้อยผมจึงล้วงเข้าไปลูบไล้ตามผิวกายเรียบลื่นเพราะการนิ่งเงียบไปของแดซองทำให้ผมสนใจมองดูคนในอ้อมกอด ใบหน้าครุ่นคิดของแดซองสะกิดความสนใจของผม


“แดซองเธอคิดอะไร” ผมจับใบหน้าแดซองหันกลับมามอง ซึ่งแดซองรีบหลุบตา ลงมองเข็มขัดตัวเองทันที


น่ารัก!!


ผมมองท่าทางนั้นแล้วแอบบอกตัวเองในใจ ปากน้อยๆนั่นเม้มเข้าหากันอีก ผมให้เวลาแดซองคิดเหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังมีคำถามกับผม เพราะแววตาที่เหลือบมองมานั้นบ่งบอก ผมไม่อยากตอบ แต่ผมอยาก กด! เมื่อเหล่ตามองคนขับรถก็เห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นมองอยู่เช่นกัน เลยต้องปล่อยแดซองไปก่อนในวันนี้...


“คุณยางทำไม...” แดซองอึกอักๆ แล้วถามผมเสียงอ่อยผมพอจะเข้าใจเพราะท่าทางของแดซองมันฟ้องว่า สงสัยในตัวผม ผมถอนใจ ทอดมองแดซองด้วยแววตาอ่อนโยน จับจ้องใบหน้าที่ผมหลงไหลสำรวจคิ้ว จมูก ริมฝีปาก ปลายคาง ทุกอย่างบนนั้นอย่างแสนเสน่หา


“ทำไมฉันถึงทำอย่างนี้กับเธอน่ะเหรอแดซอง...” ผมถามด้วยคำถามของแดซองที่ตั้งใจจะถามนั่นแหละแดซองพยักหน้าหงึกหงัก รอคอยคำตอบของผม แต่ผมดึงร่างของแดซองขึ้นนั่งตักสองแขนโอบประคองเด็กหนุ่มให้ซบลงที่อกกว้าง ใจของผมเต้นแรงเมื่อได้สัมผัสถึงการโอนอ่อนผ่อนตามของคนบนตัก ร่างแดซองเอนซอบอกผมอย่างเต็มใจ


“เพราะเธอเป็นทายาทหมายเลขหนึ่งของฉันน่ะสิ”ผมบอกเสียงนุ่มที่ข้างหูแดซอง “รู้มั้ยหมายเลขหนึ่งต้องอยู่ใกล้ชิดกับฉัน และต้องตามใจฉันทุกอย่างด้วย” ผมบอกแดซองในสิ่งที่คาดหวังต้องการแดซองเอาแต่นิ่งเงียบฟังในสิ่งที่ผมจะพูดไม่ตอบโต้กลับมาเลย ผมเดาเอาว่าแดซองกำลังสงสัยอีกแล้ว...ว่าผมคงต้องการความรักจากเขานั่นแหละ


“ใช่!!” ผมตอบตัวเองและแดซอง “เธอเป็นคนพิเศษที่สุด จำเอาไว้นะ” ผมย้ำคำพูดตัวเองอีกเพื่อให้แดซองได้แน่ใจในความรู้สึกของผม ผมกดริมฝีปากประทับไว้บนหน้าผากของแดซอง จากนั้นก็ผูกเน็กไทน์ให้แดซองต่อด้วยติดกระดุมที่หลุดลุ่ยด้วยฝีมือตัวเอง ติดไปก็แอบลอบมองผิวเนียนไปด้วย ผมเลื่อนร่างของเด็กหนุ่มลงจากตัก ก่อนที่อะไรๆมันจะเกินหักห้ามใจ รถที่แล่นช้าลงจนจอดนิ่งในที่สุดพร้อมกับเสียงคนขับที่ดังขึ้นขัดจังหวะหวานระหว่างผมกับแดซอง


“ถึงแล้วครับ!” ผมปล่อยให้แดซองร่ำลาแล้วลงจากรถไป แดซองเดินเข้าประตูใหญ่ไปพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ ผมจึงละสายตากลับมาอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า สูดกลิ่นกายของแดซองที่หลงเหลือในรถแล้วยิ้มออกมา


“คุณยางครับไปที่บริษัทไหนก่อนดีครับ” คนขับรถของแดซองเอ่ยถามผมอย่างนอบน้อม นั่นสินะวันนี้ผมมาพร้อมแดซองคนขับก็ไม่ใช่คนเดิมที่ทำงานกันอย่างรู้งานผมจึงบอกกลับไปอย่างอารมณ์ดี


“ไปบริษัท ควอน แล้วกัน” ผมหยิบเอกสารซื้อขายหุ้นที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ ต้องรีบจัดการก่อนที่บริษัทควอนของพ่อจียงจะฟื้นขึ้นมาได้ด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีหมากเอาไว้ต่อรองกับเจ้าซึงฮยอนบ้าเลือดนั่นน่ะสิ


▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫B♂gB♫ng▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫▫